WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

นันยาง ไม่ปรับราคาขาย ขอโต 5-8% ส่งน้องเล็ก 'นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่' เจาะกลุ่ม 6-9 ปี

      พิมพ์บ้านเมือง : นันยาง ยันขายราคาเดิม คาดปี 58 โต 5-8% หวังตลาดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 42% เตรียมอัดงบ 70 ล้านบาท ขยายแชร์สานต่อความเป็นเจ้าตลาด ยังยึดโซเชียลมีเดียเป็นหัวหอกหลัก พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ "หนานุ่ม" ล่าสุดส่งน้องเล็ก "นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่" เจาะกลุ่ม 6-9 ปี เป็นครั้งแรก ชูจุดขาย นุ่ม เบา รับน้ำหนักเป็นเลิศด้วยนวัตกรรมใหม่ล่าสุด Spring Soft Support รับก่อนเปิดเทอม

      นายจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2557 นันยางสามารถสร้างอัตราเติบโตได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 5-8% โดยยังคงให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียในการรักษาและขยายฐานลูกค้า ตลอดจนสร้างการรับรู้ (Brand awareness) และแบรนด์รอยัลตี้ (Brand Loyalty) ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ตลอดปีที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหายางราคาตกต่ำ จนกลายเป็นวิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไข นันยาง ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้ยางพาราแท้ของไทย 100% เป็นส่วนหนึ่งในการผลิต จึงได้สร้างสรรค์แคมเปญรณรงค์พิเศษขึ้นในช่วงปลายปี เพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากยางพาราไทย ภายใต้โครงการ "ใช้ยางไทย ใส่ช้างดาว"

      "ในปี 2558 นันยางตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5-8% ดังเช่นปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ เราได้ใช้งบการตลาดรวม 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว ซึ่งการรุกตลาดในครั้งนี้ นันยางหวังที่จะขยายส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นประมาณ 5% หรือจากเดิมเรามีส่วนแบ่งอยู่ที่ 40% ของตลาดรวมรองเท้าผ้าใบนักเรียนไทย ขยายเป็น 42% ในปีนี้ สาเหตุที่เรามั่นใจว่าจะสามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาดได้นั้น เพราะในปีนี้ นันยางได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ "นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่ (Nanyang Have Fun)" เพื่อขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มเด็กเล็กอายุระหว่าง 6-9 ปี เป็นครั้งแรก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและจะเป็นครั้งแรกที่นันยางมีสินค้ารองเท้าผ้าใบที่ตอบโจทย์ครบทุกระดับอายุ" นายจักรพล กล่าว

        ทั้งนี้ "นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่ (Nanyang Have Fun)" ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากนันยางที่ชื่อว่า "Spring Soft Support" ที่ทำให้พื้นรองเท้าหนาเพิ่มขึ้นถึง 28% นุ่ม เบา ลาดเอียงรับรูปเท้า รองรับน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับเด็กในวัย 6-9 ปี เนื่องจากเป็นช่วงที่มีพัฒนาการด้านกระดูก และกล้ามเนื้อมากที่สุด สามารถรองรับต่อกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เช่น การวิ่ง การกระโดด เพื่อกระตุ้นการสร้างมวลกระดูกและความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ดังนั้น รองเท้าที่เหมาะกับเด็กวัยนี้ จึงต้องมีพื้นรองเท้าที่นุ่ม ยืดหยุ่น รับน้ำหนักตัวได้ดี และต้องปลอดภัย ไม่ลื่นในระหว่างสวมใส่ "นันยาง แฮฟ ฟัน ใหม่ (Nanyang Have Fun)" มีให้เลือกในขนาด (เบอร์) 28-33 จำหน่ายในราคาเพียงคู่ละ 285 บาทเท่านั้น

       ด้านนายชัยพัชร์ ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวถึงการพัฒนานวัตกรรม "Spring Soft Support" ว่า นวัตกรรมดังกล่าวถือเป็นนวัตกรรมล่าสุดที่คิดค้นโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของนันยาง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง (ส่วนบน) น้ำยางบริสุทธิ์ที่มีอนุภาคเล็ก (C5H8) ผ่านส่วนผสมและกระบวนการผลิตและความร้อนที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส กับ (ส่วนล่าง) แผ่นยางธรรมชาติแท้ 100% (Natural Rubber) ที่รีดเอาน้ำยางออกจนแห้งเป็นลักษณะ Dry Rubber Content (DRC) ที่ส่งผลให้พื้นรองเท้ามีคุณสมบัติของความหนา นุ่ม คืนตัวเร็ว และรองรับการกระแทกได้ดี โดยพื้นรองเท้า Spring Soft Support ลิขสิทธิ์จากนันยางถูกนำมาเติมเต็มในรองเท้ารุ่นใหม่ "นันยาง แฮฟ ฟัน (Nanyang Have Fun)" ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กวัย 6-9 ปีโดยเฉพาะ

    โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ นันยาง แฮฟ ฟัน ได้ถูกพัฒนาขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2556 และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 12-15% ต่อปี ในปีนี้ นันยางจึงเพิ่มนวัตกรรม Spring Soft Support เข้ามาเพื่อขยายสู่กลุ่มเด็กเล็ก และเราคาดหวังการเติบโตของกลุ่มสินค้านันยาง "เฮฟ ฟัน เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 30% ของยอดขายรวมของกลุ่มสินค้ารองเท้าผ้าใบนันยางทั้งหมด

      "นันยางถือเป็นแบรนด์แรกของเมืองไทย ที่พัฒนารองเท้าผ้าใบนักเรียนสำหรับเด็กอายุ 6-9 ปีโดยเฉพาะ และถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เราจะลงชิงแชร์ในกลุ่มตลาดรองเท้านักเรียนเด็กเล็กอย่างเต็มตัว หลังจากที่เราครองความเป็นเบอร์หนึ่งในกลุ่มรองเท้าผ้าใบสำหรับวัยรุ่น เราจึงเห็นโอกาสและใช้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและใช้กลยุทธ์สื่อสารการตลาดทุกช่องทางให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด" นายชัยพัชร์ กล่าว

       ด้านมุมมองของนันยางต่อการเติบโตของธุรกิจรองเท้านักเรียนในปี 2558 นั้น นายจักรพล จันทวิมล กล่าวสรุปในประเด็นดังกล่าวว่า คาดว่าในปีนี้มูลค่าตลาดรวมของรองเท้านักเรียนจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยคาดว่าแต่ละแบรนด์จะทุ่มงบการตลาดสูงสุดในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ รองเท้านักเรียนยังถือเป็นสินค้าจำเป็นจึงทำให้ตลาดไม่หดตัว เชื่อว่าผู้ปกครองจะพิจารณาถึงคุณภาพมากกว่าราคา แต่ก็ขึ้นอยู่กับฐานะและเม็ดเงินในกระเป๋าเช่นกัน ส่วนใหญ่ผู้ปกครองจะซื้อรองเท้าพร้อมๆ กับชุดนักเรียนในช่วงหลังสงกรานต์จนถึงเปิดเทอมเฉลี่ย 1.3 คู่/คน/ปีการศึกษา

      "ในปีนี้นอกจากการโฆษณาผ่านโทรทัศน์แล้ว เรายังคงรุกขยายแบรนด์ผ่านช่องทาง โซเชียลมีเดีย โดยได้ร่วมกับ เฟ็ดเฟ (FEDFE) กลุ่มสุดเกรียนที่โด่งดังมากในโลกออนไลน์ เพื่อสร้างเซอร์ไพรส์รับเปิดเทอม พร้อมทั้งสร้างสรรค์กิจกรรมสนุกๆ สุดแนวสไตล์นันยางผ่านทาง เฟซบุ๊ค ซึ่งปัจจุบันเรามีแฟนเพจรวม 300,000 คน เชื่อว่าปีนี้เราจะสามารถเพิ่มจำนวนแฟนเพจให้ได้ถึง 350,000 คนอย่างแน่นอน" นายจักรพล กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!