- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 18 March 2015 22:26
- Hits: 1916
หั่นภาษีแบรนด์เนมเดอะมอลล์ชูสุขุมวิทขึ้นแหล่งช็อปปิ้งโลก
ไทยโพสต์ : สุขุมวิท * เดอะมอลล์ กรุ๊ป ชงต่อขอรัฐลดภาษีแบรนด์เนม เพิ่มขีดแข่งขันราคาสินค้ากับต่างประเทศ พร้อมทุ่ม 1,000 ล้านบาท เปิดตัวศูนย์การค้าเอ็มโพเรียมและเอ็มควอเทียร์ ปั้นสุขุมวิทดึงนักช็อป
นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และประธานกรรมการบริษัท ดิ เอ็มโพเรียม กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันรายได้ที่มาจากนักท่องเที่ยวนับว่ามีส่วนสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจของประ เทศไทยมีการเติบโต โดยเฉพาะ นักท่องเที่ยวในตลาดเอเชียตะวันออกกลาง จีน และอิน เดีย มองว่าหากจะดึงนักท่องเที่ยวเหล่านี้ให้เดินทางมายังประเทศไทยได้มากขึ้นนั้น สิน ค้าที่จำหน่ายจะต้องมีราคาที่ถูกลง มองว่าขณะนี้จากกระ แสที่จะมีการพิจารณาการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยจาก 30% เหลือ 5% เพื่อกระตุ้นในภาคของการท่องเที่ยวนั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้ไทยสามารถแข่งขันกับประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง ได้ดีกว่าในส่วนของสินค้าแบรนด์เนม
ขณะเดียวกัน ในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินเข้าในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 20 ล้านคนต่อปี โดยภาพรวมของกำลังซื้อนักท่องเที่ยวในส่วนของเอเชียยังเติบโตได้ดีอยู่ ขณะที่นักท่องเที่ยวในตลาดยุโรปและรัสเซียยังมีการชะลอตัวอยู่
ด้านแผนของการดำเนินธุรกิจ ยังคงมีการเดินหน้าโครง การขนาดใหญ่ที่อยู่ในแผนอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นไปตามแผนระยะ 3-5 ปีที่ได้ใช้เงินลงทุนไปกว่า 50,000 ล้านบาท ในการสร้าง 6 โครงการ โดยในปี 2558 บริษัทได้เตรียมงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้เพื่อการเปิดตัวศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม ภายหลังจากที่ได้ทำการรีโนเวทศูนย์การค้าไปแล้ว พร้อมด้วยเปิดตัวโครงการ เอ็มควอเทียร์ ภายใต้ชื่อ "The World Extraordinaire Gala Cele bration" ตั้งแต่ 27 มีนาคม-31 กรกฎาคมนี้
"เราต้องการสร้างสุขุม วิทให้เป็นเอ็มดิสทริคที่จะประ กอบด้วยเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ เอ็มสเฟียร์ เพื่อให้เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั่วโลก วางเป้าหมายที่จะให้ย่านแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางการช็อปปิ้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า" นางสาวศุภลักษณ์กล่าว
นางสาวศุภลักษณ์ กล่าวว่า หลังจากได้มีการเปิดตัวศูนย์การค้าเอ็มโพเรียมและเอ็มควอเทียร์ไปแล้ว จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 1.5 แสนคนต่อวัน จากเดิมอยู่ที่ 5 หมื่นคนต่อวัน และยอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 บาทต่อคน จากเดิม 3,000 บาท และมีเงินสะพัดราว 10,000 ล้านบาทอีกด้วย.