- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 18 February 2015 22:25
- Hits: 2050
สปริงนิวส์โอดรายได้วืดเร่งปรับผัง
ไทยโพสต์ : วิภาวดี * สปริงนิวส์โอดหลายปัจจัยส่งผลผิดแผนธุรกิจรายได้จบปี 2557 พลาดเป้า เลื่อนระยะเวลาคุ้มทุนออกไปอีก 1 ปี เร่งเดินเกมผลิตคอนเทนต์ข่าว พร้อมขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่
นางสาววทันยา วงษ์โอภา สี รองกรรมการบริหารด้านธุรกิจ องค์กร บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอ เรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินธุรกิจของปี 2557 ต้องยอมรับว่าไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากการแจกคูปองเพื่อแลกรับกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอลของทาง กสทช.ค่อนข้างจะล่าช้า รวมถึงโครงข่ายที่ยังไม่ครอบคลุม ทำให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพียง 150 ล้านบาท จากเป้าหมายตั้งไว้อยู่ที่ 250 ล้านบาท
"การเข้ามาประมูลทีวีดิจิ ตอลมองว่าต้องผ่านช่วงของการเรียนรู้และอาจต้องมีขาดทุนกันบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะมากขนาดนี้ ปัญหาของเลขช่องหรือแม้แต่การแจกคูปอง ทุกอย่างเกิดความล่าช้าหมด มาแจกได้ช่วงปลายปีก็ยังไม่ครบ ทำให้การปรับค่าโฆษณาจากที่คาดว่าต้องทำได้ถึงกว่า 100% แต่ในความเป็นจริงปรับได้เพียง 30-40% เท่านั้น ทุกอย่างจึงไม่เป็นไปตามแผนธุรกิจและทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้า และคงต้องเลื่อนระยะเวลาการคุ้มทุนออกไปอีก 1 ปี เป็นภายในปี 2561" นางสาว วทันยากล่าว
สำหรับ แผนของการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ จะผลักดันให้สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ก้าวขึ้นเป็นสถานีข่าวอย่างแท้จริงภายใต้คอนเซ็ปต์ "ข่าวจริง สปริงนิวส์" จากปัจจุบันมองว่ายังไม่มีสถานีข่าวเกิดขึ้นจริงในเมืองไทย ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้นำในประเภทสถานีข่าว คาดการณ์ว่าภายใน 2-3 ปีจะสามารถทำตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เตรียมปรับผังใหม่ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีหรือเริ่มทำงาน จากที่ผ่านมาผู้ชมของสถานีจะเป็นกลุ่มวัยผู้ใหญ่
นอกจากนี้ ยังได้เตรียมงบประมาณไว้ราว 90 ล้านบาท เพื่อใช้ในการซื้อคอนเทนต์เข้ามาออกอากาศภายในสถานี พร้อมกับการทำกิจกรรมหรือลงพื้นที่โรดโชว์ทั่วประเทศ คาดว่าจะทำให้มีกลุ่มผู้ชมรู้จักสปริงนิวส์เพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้รายได้ของบริษัทในปีนี้อยู่ที่ 270 ล้านบาท
นางสาววทันยา กล่าวว่า หาก มัคส์สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น ถ้าโครงข่ายสามารถขยายได้ถึง 70-80% บริษัทก็พร้อมที่จะ ดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่ด้วยเช่น กัน มองว่าตอนนี้หากมีการลงทุน หนักจนเกินไปก็จะไม่เกิดประ โยชน์ต่อธุรกิจมากนัก.