- Details
- Category: การตลาด
- Published: Friday, 30 January 2015 22:11
- Hits: 2556
RSTA โชว์โมเดลยักษ์ 'ย่านราชประสงค์' ทุ่ม 6 หมื่นล้าน พัฒนา 'ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์'
บ้านเมือง : 'ย่านราชประสงค์'เดินเครื่องขยายศักยภาพรอบทิศทาง ผนึก 5 กลุ่มผู้นำย่านราชประสงค์'เซ็นทรัล กรุ๊ป''ไมเนอร์ กรุ๊ป' ดิ เอราวัณ กรุ๊ป 'เกษรพร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป''เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป' และกลุ่มสมาชิกฯ ทุ่มทุนกว่า 60,000 ล้านบาท เปิดตัวโมเดลยักษ์ "Ratchaprasong Bangkok Downtown-ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์" ครั้งแรกของการสร้างเมืองแห่งอนาคต รวมที่สุดแห่งตลาดรีเทล ตลาดโฮลเซล ตลาดฮอสพิทอลลิตี้ และตลาดไมซ์ ใจกลางกรุงเข้าไว้ด้วยกัน ด้วยกลยุทธ์ 'Walkable Urbanism'รองรับการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ตั้งเป้าขึ้นแท่น 1 ใน 3 ย่านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเอเชีย
นายชาย ศรีวิกรม์ นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ หรือ RSTA กล่าวว่า "มากกว่าทศวรรษที่สมาคมฯ และสมาชิกได้ร่วมมือกันพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์สำคัญของกรุงเทพมหานคร ในการต้อนรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาใช้บริการมากถึงวันละ 400,000 คนต่อวัน หรือมากกว่าปีละ 146 ล้านคน และเนื่องจากย่านราชประสงค์เป็นศูนย์กลางกรุงเทพฯ ที่สำคัญทำให้กลุ่มธุรกิจหลักได้พร้อมใจกันร่วมพัฒนาโครงการขึ้นอย่างหนาแน่นบนแลนด์มาร์คสำคัญนี้ ทำให้เกิดการขยายตัวของพื้นที่ธุรกิจและไลฟ์สไตล์ และคาดว่าจะสามารถชักชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในย่านได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นทางสมาคมฯ และสมาชิกโดย 5 กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ ได้แก่ 'เซ็นทรัล กรุ๊ป''ไมเนอร์ กรุ๊ป' ดิ เอราวัณ กรุ๊ป 'เกษรพร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป''เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป' ได้ร่วมกันเปิดตัวโมเดลยักษ์ "Ratchaprasong Bangkok Downtown ราชประสงค์ บางกอก ดาวน์ทาวน์" ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เป็นเมืองแห่งอนาคตของกรุงเทพมหานครในอีก 3 ข้างหน้า และวางเป้าหมายในการเป็น 1 ใน 3 ย่านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเอเชีย"
สำหรับ โมเดล'Ratchaprasong Bangkok Downtown'ได้ 5 กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่มีความโดดเด่นที่แตกต่าง มาร่วมสร้างและเติมเต็มประสบการณ์เหนือระดับบนแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ อย่างราชประสงค์ โดยร่วมกันวางรูปแบบและโครงสร้างการพัฒนาแบ่งออกเป็น 4 ทิศ คือ ทิศตะวันตก "เซ็นทรัล กรุ๊ป" ที่เข้ามาร่วมพัฒนาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่นับว่าเป็น Thailand's Largest Lifestyle Shopping Complex ของประเทศไทย ร่วมด้วยห้างสรรพสินค้าเซน และห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ที่จะนำเสนอความหลากหลายของร้านค้าแบรนด์ต่างๆ โดยในปี 2559 เตรียมพร้อมที่จะพลิกโฉมศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นับเป็นการปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดศูนย์ เพื่อสร้างสีสันใหม่ๆ ที่แตกต่างให้กับวงการรีเทล พร้อมทั้งดึง Retail Anchor ระดับเวิลด์คลาสอีก 2 รายมาร่วมเปิดที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์แห่งนี้
สำหรับ Lifestyle Dining โดยโปรเจกต์กรู๊ฟแอทเซ็นทรัลเวิลด์ ได้เตรียมรังสรรค์ประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยเฟสใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นที่สุดของ Lifestyle Dining Experience ระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ในด้านการรับรองตลาดไมซ์ที่คาดว่าจะสามารถรองรับผู้เข้ามาใช้บริการได้เพิ่มขึ้นถึง 100,000 คนต่อปี
สำหรับ ทางทิศใต้นั้นนับเป็นพื้นที่ของฮอสพิทอลลิตี้และลักซ์ชัวรี่ เรสซิเดนส์ โดย "ไมเนอร์ กรุ๊ป" และ "ดิ เอราวัณ กรุ๊ป" โดยเริ่มจาก 'ไมเนอร์ กรุ๊ป'นำความเชี่ยวชาญมาเติมเต็มผ่าน 4 โครงการหลัก ได้แก่ กลุ่มฮอสพิทอลลิตี้ คือ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ หรือโรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ เดิม, โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ และดำเนินการและบริหารให้กับ อนันตรา บ้านราชประสงค์ กรุงเทพฯ รวมทั้งกลุ่มเรสซิเดนส์ คือ เซนต์ รีจิสเรสซิเดนส์ โดยเฉพาะแบรนด์ "อนันตรา" ที่โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ Culture Creation ทำให้ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จะเข้ามารีแบรนด์โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 ให้กลายเป็น "โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ" และขึ้นเป็นหนึ่งใน"แฟลกชิพ"หลักของโรงแรมเครืออนันตรา พร้อมสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ในฐานะอนันตราประเทศไทยให้ไกลถึงทั่วโลก โดยใช้เงินลงทุนปรับปรุงประสบการณ์ประมาณ 600 ล้านบาท
สำหรับ "ดิ เอราวัณ กรุ๊ป" นับว่าอยู่เคียงคู่และร่วมสร้างประวัติศาสตร์ที่มีความผูกพันกับย่านราชประสงค์ในด้านชื่อเสียงของ Thai Hospitality มามากกว่า 23 ปี โดยยังพัฒนาการบริการที่นำเสนอความเป็นไทยที่ลึกซึ้งและหรูหราระดับเวิลด์คลาส เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งปรับให้ครอบคลุมตลาดใหม่อย่างตลาดไมซ์ที่ให้ความสำคัญกับย่านกลางใจเมืองอย่างราชประสงค์ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ลงงบประมาณไปมากกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้โรงแรม แกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ นับเป็น ICON สำคัญอย่างหนึ่งของย่านราชประสงค์แห่งนี้
และยังมีอีกหนึ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยกลุ่มแมกโนเลียฯ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตลาดลักซ์ชัวรี่ที่เข้ามาร่วมพัฒนาพื้นที่ภายในย่านฯ ผ่านโครงการ "แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด" พร้อมร่วมมือกับกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทในเครือฮิลตันเวิลด์ไวด์ นำแบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์ของเครือฮิลตัน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท'วอลดอร์ฟแอสโทเรีย'มาเปิดให้บริการในพื้นที่ของโครงการฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558 ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท
ทิศตะวันออก ได้ผู้นำอย่างกลุ่มเกษรพร็อพเพอร์ตี้ มาร่วมเติมเต็มในส่วนของลักซ์ชัวรี่ ไลฟ์สไตล์ โดยจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของศูนย์การค้าเกสร 1 ที่รีโนเวทสถาปัตยกรรมภายใน และภายนอกเสร็จสิ้น ด้วยเงินลงทุน 400 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'GAYSORN THE SANCTUARY OF TASTE'(เกษรเดอะแซงค์ชัวรี่ ออฟเทสต์)พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนของร้านอาหารเป็น 30% ของไลฟ์สไตล์ทั้งหมด
สำหรับในปี 2558 นี้ ได้เพิ่มเติมประสบการณ์ช็อปปิ้งไลฟ์สไตล์ และสร้างสรรค์ธุรกิจและชีวิตการทำงานให้ดาวน์ทาวน์ของกรุงเทพฯ ด้วย 'อาคารเกษร 2'ออฟฟิศที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับนักธุรกิจชาวไทยและต่างชาติ บนทำเลที่ดีที่สุดของเมืองที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบาย และการเชื่อมโยงเข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ที่เป็นไฮไลท์ของกรุงเทพมหานคร ด้วยงบประมาณลงทุนทั้งสิ้น 5,800 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 63,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่อย่างเต็มรูปแบบในปี 2560 พร้อมทั้งเพิ่มเติมการก่อสร้างของสกายไลน์ ที่นับเป็นส่วนขยายเพิ่มเติมที่เชื่อมโยงออกจากอาคารเกษร ส่งต่อเพิ่มความสะดวกสบายให้นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางต่อเนื่องไปยังสี่แยกประตูน้ำอีกด้วย
และสุดท้ายกับทิศเหนือ โดยอาณาจักรของเดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ที่นับว่าเป็น 'Thailand Largest Fashion Wholesale& RetailShoppingDestination'ศูนย์รวมการเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับย่านราชประสงค์ ผ่านมาร์เก็ตสไตล์ 3 โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ที่มีศักยภาพระดับประเทศรองรับลูกค้าชาวไทยและทั่วโลก โดยได้รวบรวมร้านค้าส่งสินค้าแฟชั่นที่หมุนเวียนเร็วที่สุดของประเทศไว้ด้วยกัน 2,500 ร้านค้า โดยแบ่งสัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทย 60% และคนต่างชาติ 40% ซึ่งสามารถแบ่งเป็นชาวเอเชีย 80% อาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย และอีก 20% ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นกลุ่มอาหรับ และแอฟริกา เป็นต้น ด้านโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ แพลทินัม ประตูน้ำ ได้ร่วมเติมเต็มผ่านการเชื่อมต่อโครงการเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ พร้อมทั้งนำเสนอความสะดวกครบครันที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้านักธุรกิจต่างชาติและชาวไทย ที่สอดคล้องกับธุรกิจค้าส่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรแฟชั่นค้าส่งฝั่งเหนือของย่านราชประสงค์แห่งนี้ นอกจากนี้ ยังได้ร่วมพัฒนาโครงการน้องใหม่อย่างโครงการ "เดอะมาร์เก็ต บาย แพลทินัม-The Market by Platinum" ที่มีมูลค่าโครงการ 7,500 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญาเช่า 30 ปี วางเป้าหมาย 3,000 ร้านค้า มีทั้งหมด 13 ชั้น (พร้อมชั้นใต้ดิน 1 ชั้น) คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2560 พร้อมทั้งสร้างการเชื่อมต่อด้วยโครงการทางเชื่อมบางกอกสกายไลน์ ความยาวทั้งสิ้น 500 เมตร ที่เชื่อมต่อจาก เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ประตูน้ำ สู่อาคาร เดอะมาร์เก็ต บาย แพลทินัม และเข้าสู่ศูนย์การค้าเกษร และเชื่อมไปยังเส้นทาง สกายวอล์ก และบีทีเอส งบลงทุน 400 ล้านบาท จะเปิดใช้งานในไตรมาส 1 ปี 2559
นายชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า โมเดล Ratchaprasong Bangkok Downtown คือ การวางผังปฏิรูปและพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เป็นย่านเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ที่มีความสมบูรณ์เพียบพร้อมในการรองรับความต้องการของผู้ที่เข้ามาใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือนักธุรกิจจากทั่วโลก โดยมุ่งสู่ความเป็นเลิศใน 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ การเป็นจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดของกรุงเทพมหานคร (Must Visit the Best of Bangkok), การเป็นจุดศูนย์กลางรองรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ (City MICE Hub) และการเป็นคอมมูนิตี้แห่งความสุข (Happy Community)
โดยจะใช้กลยุทธ์ Walkable Urbanism ในการสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงธุรกิจและไลฟ์สไตล์ของย่านระดับโลก ราชประสงค์จึงยกระดับทางเดินลอยฟ้า skywalk จากพื้นฐานเส้นตรงกลางใจเมือง ขยายออกสู่ "บางกอก สกายไลน์" ทิศทาง 90 องศาไปทางทิศเหนือ เพื่อเพิ่มเส้นทางการเข้าถึงไลฟ์สไตล์และธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ Walkable Urbanism ที่แตกต่างจากย่านอื่นๆ ด้วยทางเดินลอยฟ้าที่ปลอดภัยสะดวกสบายเข้าถึงอาคารต่ออาคารภายในย่านราชประสงค์ทั้งสิ้น 18 อาคาร ซึ่งเมื่อรวมสกายวอล์กและสกายไลน์ทั้งหมดของย่านฯ จะสร้างปรากฏการณ์ความสมบูรณ์แบบที่สุดทั้งเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภายในย่านฯ
ซึ่งเมื่อโมเดล "Ratchaprasong Bangkok Downtown" ทั้งหมดแล้วเสร็จ ในงบประมาณ 60,000 ล้านบาท นับว่าจะเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของการท่องเที่ยวในระดับเอเชีย และคาดว่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวและผู้เข้ามาใช้บริการภายในย่านเพิ่มขึ้น 50-100% หรือ 600,000-800,000 คนต่อวัน ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปัจจุบันย่านราชประสงค์ประกอบไปด้วยโครงการขนาดใหญ่ อาทิ ศูนย์การค้าใจกลางกรุงฯ 5 ศูนย์การค้า ที่รวบรวมสินค้าไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ลักชัวรี่จนถึงระดับสตรีทแฟชั่น รวมกว่า 650,000 ตารางเมตร โรงแรมหรูระดับ 3 ดาว จนถึงระดับลักชัวรี่ ที่บริการห้องพักมากกว่า 3,900 ห้อง และลักชัวรี่เรสซิเดนส์กว่า 382 ยูนิต อาคารสำนักงานทันสมัยใจกลางกรุง 5 อาคาร รวมพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร และพื้นที่จัดประชุมสัมมนา 40,320 ตารางเมตร