- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 03 May 2014 22:03
- Hits: 1172733
อัญมณีลุ้นการเมืองนิ่งลุยจัดเพิ่มจิวเวลรี่แฟร์กลางปี
บ้านเมือง : สมาพันธ์อัญมณีฯ เตรียมจัดงานแฟร์เพิ่มกลางปี สร้างทั้งมูลค่าตลาดและเพิ่มผู้เล่นในธุรกิจ ‘อัญมณีไทยและเครื่องประดับ’ ยกระดับไทยขึ้นสู่ศูนย์กลางของภูมิภาค ควบคู่สร้าง ‘พลอยไทย’ ให้โลกยอมรับ คาดยอดขายปี'57 ทะลุหมื่นล้านดอลลาร์
นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ กล่าวว่า หากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศกลับสู่ภาวะปกติเร็วมากที่สุดเท่าใด จะพิจารณาเพิ่มการจัดงาน "บางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์" จากเดิมจัดปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือนกุมภาพันธ์และกันยายน เป็น 3 ครั้ง โดยวางแผนจัดราวเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน มุ่งเน้นสร้างกำลังซื้อและเพิ่มยอดขายในประเทศและภายในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนเป็นหลัก
ทั้งนี้ การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ถือเป็นรายได้หลักอันดับต้นๆ ของประเทศ คาดว่ายอดขายในปีนี้จะมีราว 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นยอดส่งออกราวร้อยละ 96 ที่เหลือร้อยละ 4 เป็นยอดขายภายในประเทศ แต่หากสามารถจัดงาน "บางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์" เพิ่มขึ้นอีก 1 ครั้ง เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนยอดขายภายในประเทศและมูลค่าตลาดรวมได้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นทำตลาดและประชาสัมพันธ์ "พลอยไทย" ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในตลาดโลก แม้แหล่งวัตถุดิบจะมาจากต่างประเทศ แต่ก็ผ่านกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มและผลิตเป็นเครื่องประดับในประเทศไทย
นายสมชาย ยังกล่าวแนะนำให้นักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นลงทุนระยะยาว หันมาลงทุนในอัญมณีไทยและเครื่องประดับ เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อย แต่ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง แม้จะเป็นสินค้าที่มีราคาแพง แต่กระจายอยู่ในมือของคนที่มีกำลังซื้อส่วนใหญ่ทั่วโลก ทำให้ไม่เสี่ยงต่อการถูกปั่นราคาจากนักเก็งกำไรเหมือนเช่นน้ำมันดิบ, ทองคำและค่าเงิน โดยมีมูลค่าการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนช่วง 10-30 ปี มากกว่า 30 เท่าตัวทีเดียว
พร้อมกันนี้ อยากเห็นคนไทยเดินเข้าสู่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับมากขึ้น จึงได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฯลฯ จัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับในทุกมิติ ตั้งแต่สร้างแรงงานฝีมือในภาคการผลิตไปจนถึงสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งหากประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในแวดวงอัญมณีและเครื่องประดับมากขึ้น ขณะที่การเพิ่มจัดงานแฟร์ ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับในเอเชียและในโลก
"ไม่อยากให้สังคมมองว่า เรามุ่งสนใจแต่การสร้างยอดขาย แต่อยากให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับกลายเป็นหลักสำคัญของเศรษฐกิจไทย และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับคนไทยเพิ่มมากขึ้น" นายสมชาย ย้ำและว่า ขณะนี้กำลังผลักดันให้สมาพันธ์อัญมณี เครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย ก้าวขึ้นสู่การเป็น'สภาอัญมณี เครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย" ซึ่งจะกลายเป็น 'เสาหลัก'ของแวดวงองค์กรภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่สำคัญ ต่อจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, สภาผู้ส่งออกทางเรือ, สภาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นต้น
นายสมชาย กล่าวยอมรับว่า ในปีที่ผ่านมา การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่ลดลงเป็นผลจากการส่งออกกลุ่มทองคำแท่งได้ลดลงอย่างมาก จากราคาผันผวนตลอดทั้งปี ขณะกลุ่มเครื่องประดับทองก็ลดลง (-8.35%) เครื่องประดับเงิน ก็บวกนิดหน่อย (+3.53%) ส่วนพลอยบวกมาก (+21%) เพชรก็บวก (+9.83%) นอกจากเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกและราคาทองที่ผันผวนแล้ว อีกด้านหนึ่งยังได้รับผลกระทบจากตลาดอินเดียที่ขึ้นภาษีนำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับจาก 0% (ตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อินเดีย) ปัจจุบันเพิ่มเป็น 15% โดยอ้างไม่ยอมรับใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าจากประเทศไทย ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์เป็นคนออกให้ ส่งผลให้ไทยส่งออกไปอินเดียได้ลดลง
"แม้เศรษฐกิจของอินเดียจะยังร้อนแรง แต่ปัญหาของเขาคือขาดดุลการค้ามาก ในเรื่องนี้ทางสมาพันธ์อัญมณีได้เป็นหัวหอกวิ่งเข้าไปพบรัฐมนตรีเขาหลายคนแล้ว ทั้งรัฐมนตรีคลัง รัฐมนตรีพาณิชย์ และได้พาทั้งรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และรัฐมนตรีพาณิชย์ของไทยไปเจรจากับอินเดียเพื่อช่วยแก้ปัญหา แต่ปัจจุบันก็ยังแก้ไม่ได้"
นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาการเมือง เพราะต่างชาติที่จะเข้ามาซื้อสินค้า และนักท่องเที่ยวไม่กล้าเข้ามา หลายประเทศก็ออกประกาศเตือนคนของเขา และหลายประเทศบริษัทรับประกันก็ไม่ออกอินชัวรันซ์ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ดังนั้นจึงยังไม่ขอประเมินการส่งออกอัญมณีในปี 2557 คงต้องรอให้เหตุการณ์คลี่คลายก่อน หากการเมืองนิ่งแล้ว จากสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่กำลังฟื้นตัวเห็นได้จากดัชนีดาวโจนส์ที่ทำนิวไฮแล้วนิวไฮอีกในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาถึง ณ ปัจจุบัน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นก็จะทำให้เศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งยุโรป จีน อินเดีย ดีตามไปด้วย
"ประกอบกับทางสมาคมมีแผนจะนำสมาชิกไปโรดโชว์ตลาดตะวันออกกลางที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก ตลาดจีน รัสเซีย และนำสมาชิกร่วมงานแฟร์ เช่น ที่ฮ่องกง เป็นต้น เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มยอดส่งออกในปีนี้ได้"
