- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 11 January 2015 23:17
- Hits: 2638
ไบโอคอส เล็งสร้างโรงงาน ผลิตสินค้าสกินแคร์แบรนด์ตัวเอง
แนวหน้า : นายชโลธร สุมิตรเหมาะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอคอส กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพและความงาม ภายใต้แบรนด์ สลิมมิ่งพลัส, อาเมทิส, บิวตี้ สตอรี่ และไบโอคอส โปรเฟสชั่นแนล เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนการลงทุนสร้างโรงงานเพื่อผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือสกินแคร์ ภายใต้แบรนด์ของตนเองเป็นครั้งแรก หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเน้นการนำเข้าสินค้าเป็นส่วนใหญ่ โดยในเบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อหาสถานที่และพันธมิตรในการร่วมลงทุน ซึ่งช่วงแรกคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุน 50 ล้านบาท จะเริ่มดำเนินการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2559
สำหรับ การลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจากนโยบายของบริษัทให้ความสำคัญกับการบริการด้านความงามที่ครบวงจร และล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวธุรกิจคลินิก ความงาม ภายใต้ชื่อ “แล็บ เดอ แบงคอก” (LAB DE BANGKOK) นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้เข้ามาลงในธุรกิจนี้โดยแนวคิดของคลีนิคดังกล่าวจะเป็นการรวมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ เพื่อมุ่งเน้นการให้คำปรึกษาและ รักษาในกลุ่มผิวพรรณครบวงจร ซึ่งบริษัทจะเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค พื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรใช้งบลงทุน 30-50 ล้านบาท
“จากนี้ไปรูปแบบการบริการด้านความงามของบริษัทจะเป็นแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตสินค้าตามความต้องการของ
ผู้บริโภค ไปจนถึงการบริการให้คำปรึกษา แก้ไขด้านผิวพรรณและความงาม เพื่อให้สอดรับกับนโยบายดังกล่าว บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดสถาบันความงาม หรือ Beauty Academic ด้วยงบลงทุน 10 ล้านบาท โดยจะเปิดเป็นโรงเรียนสอนเทคนิคความงามต่างๆให้แก่พนักงานในบริษัท และลูกค้าทั่วไปที่ต้องการเปิดร้าน หรือทำธุรกิจเป็นของตนเองในอนาคต” นายชโลธร กล่าว
ทั้งนี้ แผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้เป็นที่รู้จัก ตั้งแต่ผู้ประกอบการไปจนผู้ใช้บริการ โดยปัจจุบันตลาดรวมผลิตภัณท์ความงามในไทยมีมูลค่าถึง 7.77 หมื่นล้านบาท เติบโต 4-5% ซึ่งสกินแคร์เป็นตลาดใหญ่ที่สุด มีมูลค่ารวม 3.57 หมื่นล้านบาท ขณะที่ตลาดดูแลผิวหน้ามีการเติบโต 4%
นายชโลธรกล่าวว่า การลงทุนขยายสาขาในปี 2558 บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ 100 ล้านบาท แบ่งเป็น สลิมมิ่งพลัส 2 สาขา ,อาเมทิส 3 สาขา ,บิวตี้ สตอรี่ 5 สาขา โดยเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2558 ประมาณ 10%