WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

มองเทรนด์ใหม่ เทคโนโลยี'ปีแพะ'

มติชนออนไลน์ :  


"ปฐม อินทโรดม" คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีมานาน ตอนนี้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทผู้จัดงานคอมพิวเตอร์ "คอมมาร์ต" มานานกว่าสิบปี และยังเป็นบริษัทที่ผลิตนิตยสารด้านคอมพิวเตอร์ที่รู้จักจำนวนมาก พูดถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีที่เราจะได้เห็นกันในปี 2558 นี้

"ปฐม" ระบุว่า ตลาด "ไอที" ในบ้านเรานั้น ถ้าแบ่งเป็นโมเดิร์นไอที หรือไอทีสมัยใหม่ กับเทรดิชั่นแนล ไอที หรือไอทีในรูปแบบเก่า ต้องบอกว่า โมเดิร์น ไอที ในส่วนที่เป็นโมบิลิตี้ อย่างพวกสมาร์ทโฟน เป็นตัวช่วยที่ทำให้ตลาดยังไปได้ แต่เทรดิชั่นแนลไอที อย่างเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน้ตบุ๊ก ส่อแววไม่ดีมาปีสองปีแล้ว และมีความคาดหวังว่าไตรมาส 3 และ 4 ที่ผ่านมาจะฟื้น เพราะมันดิ่งลงต่ำสุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ตลาดโลก

ส่วนปีนี้คาดว่าตลาดของไอทีก็อาจจะยังไม่ดีขึ้น เพราะยังไม่มีอะไรใหม่ ในขณะที่ตลาดโมบายล์ไตรมาสที่ผ่านมาก็เริ่มอิ่มตัว และยังถือว่าน่าเป็นห่วงอยู่

อย่างไรก็ตาม "ปฐม" คาดว่า สิ่งที่คาดว่าจะมาเป็นตัวช่วยได้ดีคือเรื่องของ "ดิจิตอล อีโคโนมี" หรือเศรษฐกิจดิจิตอล ซึ่งหากรัฐบาลสนับสนุนเอาจริงและไม่มองระยะสั้นเท่านั้น จะช่วยได้อย่างมาก และจะเกิดผลดี แต่ถ้าเป็นนโยบายในระยะสั้นอาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ภาครัฐหันมาใช้ไอทีมากขึ้น นอกจากนี้ ในเรื่องของการคลังข้อมูล ที่เชื่อว่ามีหลายกระทรวงที่มีข้อมูลอยู่มหาศาลแล้วไม่ได้ใช้ การนำเทคโนโลยีเข้าไปช่วย จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมาก

ดังนั้น เรื่องของดิจิตอล อีโคโนมี จะทำให้งบกระตุ้นภาครัฐเกิด กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ด้านไอทีของเจ้าหน้าที่ ซึ่งถ้าคนเหล่านี้ถูกสอนให้ใช้ไอทีก็จะเป็นการช่วยเพิ่มผลิตภาพ 

สำหรับเทรนด์เทคโนโลยีที่จะได้เห็นปีหน้านั้น "ปฐม" สรุปไว้ได้ดังนี้

เทคโนโลยีสวมใส่

สำหรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปีนี้ที่จะได้เห็นเด่นชัดคงเป็นเทคโนโลยีสำหรับสวมใส่ หรือแวเรเบิล เทคโนโลยี ที่ปัจจุบันแม้จะครองส่วนแบ่งในตลาดสินค้าไอทีอยู่แค่ราว 3 เปอร์เซ็นต์ แต่คาดว่าปีนี้จะโตขึ้นเป็น 3 เท่า โดยมีส่วนแบ่งอยู่ที่ราว 10 เปอร์เซ็นต์ ในจำนวนนี้จะเป็นอุปกรณ์สำหรับสุขภาพมากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนหันมาใส่ใจการเล่นกีฬากันมากขึ้น 

ช่วงปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีสวมใส่ยังคงเห็นเป็นกลุ่มนาฬิกา สายรัดข้อมือ แต่นอกเหนือจากนั้น ยังมีกลุ่มที่เป็นแว่นตา อย่างกูเกิล กลาส แว่นอัจฉริยะของกูเกิล เชื่อได้ว่าในปี 2558 นี้ จะได้เห็นแว่นอัจฉริยะจากประเทศจีนอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของอุปกรณ์สวมศีรษะกลุ่มนี้ จะแบ่งออกได้เป็นกลุ่มที่ใช้สำหรับในชีวิตประจำวัน กลุ่มสำหรับผู้ที่เล่นเกม และกลุ่มสำหรับความบันเทิง

อุปกรณ์สวมใส่ที่มีให้เห็นอย่างอื่น อย่างเช่น "บิตไบต์" อุปกรณ์สำหรับใส่เข้าไปในหูเพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมในการกินของผู้ใช้ แล้วนำไปวิเคราะห์เกี่ยวกับการเคี้ยวและวิธีในการเคี้ยวอาหาร เพื่อให้คำแนะนำในการเคี้ยวที่ถูกต้องในทันที หรือจะเป็นเซลเฟล็กซ์ ชุดออกกำลังกายที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ ที่สามารถวัดการใช้แรงได้ในทันที ด้วยเซ็นเซอร์ที่ติดไว้บนเนื้อผ้าที่ผลิตขึ้นมาพิเศษ

หน้าจอจะมีขนาดหลากหลายมากขึ้น

อุปกรณ์ไอทีต่างๆ เริ่มมีการปรับขนาดกันมากขึ้น ปี 2558 นี้เราจะได้เห็นไอโฟน 6 ที่มีขนาดหน้าจอที่เล็กลงเท่ากับไอโฟน 5 เอสอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าผู้ที่ใช้งานไอโฟนยังคงต้องการเครื่องที่มีขนาดหน้าจอเล็กลง ที่ไม่ต้องใหญ่มากเท่ากับไอโฟน 6 หรือไอโฟน6 พลัส 

หรือไอแพดของแอปเปิลเช่นกัน มีแววว่าจะปรับให้มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 12.9 นิ้ว จากเดิมที่มีไอแพด และไอแพด มินิ สองขนาดอยู่แล้ว ส่วนเซอร์เฟซของไมโครซอฟท์ ก็มีข่าวว่าจะปรับขนาดหน้าจอให้เล็กลง เป็น "เซอร์เฟซ มินิ" แสดงให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนของรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับหน้าจอให้มีความหลากหลายมากขึ้น

ระบบปฏิบัติการทางเลือก

ระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ อย่างแอนดรอยด์ที่มียอดผู้ใช้มากที่สุดและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระบบปฏิบัติการไอโอเอสของแอปเปิล ยังมีความต้องการของตลาดอยู่ แต่อยู่ในวงจำกัด ทำให้ตลาดของระบบปฏิบัติการตอนนี้ถูกถ่างออก จึงมีทางเลือกที่ 3 ของระบบปฏิบัติการอื่น อย่างเช่นวินโดวส์โฟนและแบล็คเบอร์รี่ ที่น่าจะเห็นคนหันมาใช้กันเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุผลในเรื่องของความปลอดภัย เพราะแฮกเกอร์เองจ้องโจมตีกลุ่มผู้ใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น และปี 2557 ถือเป็นปีที่แฮกเกอร์โจมตีสมาร์ทโฟนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผู้ใช้จึงเริ่มหันมาคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น

อินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์

สำหรับอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่จะมีในปี 2558 นี้ คือเรื่องของอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (Internet of Things - IoT) หรือไอโอที ที่หมายถึงการที่อุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันผ่านอินเตอร์เน็ต โปรโตคอล หรือไอพี นับตั้งแต่ชิปประมวลผลขนาดเล็กไปจนถึงเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ที่ต่างก็ทำงานสอดประสานกันแบบไร้สาย เกิดเป็นเครือข่ายที่เชื่อมทุกสิ่งเข้าด้วยกัน โดยคาดว่าภายในปี 2563 จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันเป็นไอโอที มากถึงราว 50,000 ล้านชิ้น และไอโอทีจะก่อให้เกิดสมาร์ทโฮม หรือบ้านอัจฉริยะ ที่ของทุกสิ่งในบ้านจะเชื่อมต่อเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ขณะที่รัฐบาลเองก็มีนโยบายที่จะสร้าง "สมาร์ท ซิตี้" หรือเมืองอัจฉริยะขึ้นนำร่อง 

เทคโนโลยีบูรณาการ

เทคโนโลยีบูรณาการ หรือเทคโนโลยี อินทิเกรชั่น จะได้เห็นกันมากขึ้น จากเมื่อก่อนผู้คนอยู่ได้โดยไม่มีเทคโนโลยี แต่ตอนนี้กลับต้องอยู่กับเทคโนโลยีตลอดเวลา เด็กรุ่นใหม่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่รายล้อมรอบตัว หรือแม้แต่รถใหม่ๆ ก็มีการเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์ไอทีได้เลย ทุกสิ่งจะต้องสามารถเชื่อมต่อเข้ากันได้ เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น

แบรนด์จีนจะมา แบรนด์ญี่ปุ่นหายไป

นอกจากนี้ ตลาดไอทียังคงต้องเจอกับแบรนด์ของจีน ที่จะมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกมาสู้กับตลาดแบรนด์ดังจากสหรัฐหรือเกาหลี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่สเปกสูง แต่ราคาถูก สามารถแข่งขันกับแบรนด์ดั้งเดิมได้ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือแบรนด์จากญี่ปุ่น ที่จะตกอยู่ในภาวะลำบากในตลาดสินค้าไอที และหลายรายก็เริ่มค่อยๆ หายไปจากตลาดไอทีแล้ว

"ปฐม" กล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับเรื่อง "เทคโนโลยี 4จี" ว่าเป็นอะไรที่ควรจะมีขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อช่วยขับเคลื่อนทุกอย่างให้ก้าวไปได้เร็วขึ้น!! 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!