WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วิกฤติยุโรป ไม่ฉุดส่งออกเบทาโกรปั้นแบรนด์'เอสเพียว'จับกลุ่มบีทูซี

      ไทยโพสต์ * เบทาโกรยันปัญหาเศรษฐกิจยุโรปไม่กระทบการส่งออก แย้ม พร้อมทุ่มงบการตลาดเพิ่มปีหน้า รุกหนักให้แบรนด์'เอสเพียว'ดันสัดส่วนรายได้กลุ่มบีทูซีขึ้นเป็น 20% ภายใน 5 ปี

      นายอรรถพล อุไรไพรวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานการตลาดองค์กร บริษัท เบทาโกร จำกัด เปิดเผยว่า การทำธุรกิจของเบทาโกรช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างจะให้ความสำคัญในการทำตลาดให้กับแบรนด์เบทาโกร รวมถึงกลุ่มลูกค้าในแบบบีทูบีเป็นหลัก ในปีนี้บริษัทจึงอยากที่จะเร่งทำการตลาดให้กับแบรนด์สินค้า "เอสเพียว" ที่จะจับลูกค้าทั่วไปให้มากขึ้น จึงได้มีการออกโฆษณาให้กับแบรนด์ดังกล่าวเป็นชุดที่ 2 หลังจากที่ไม่ได้ทำการตลาดมาเป็นระยะเวลา 2 ปี

    สำหรับ งบประมาณทาง การตลาดของปี 2557 ที่ใช้ให้กับทั้งแบรนด์เบทาโกรและเอสเพียว บริษัทได้ใช้ไปประมาณกว่า 120 ล้านบาท นับว่ายังน้อยอยู่หากเทียบ กับเจ้าตลาดที่ใช้กว่า 700 ล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่าในปีหน้าบริษัทคงจะให้ความสำคัญกับการตลาดทั้ง 2 แบรนด์ให้มากขึ้น เพื่อให้ แบรนด์เอสเพียวเป็นที่รู้จักในตลาดมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาค่อนข้างประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่วางไว้เรื่องของการรับรู้แบรนด์มาแล้ว

      ขณะที่รายได้หลักของบริษัท ยังคงมาจากการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของบีทูบีมากกว่า 90% ส่วน ที่เหลืออีกเกือบ 10% จะเป็นรายได้จากบีทูซี บริษัทจะยังมีการขยาย ตลาดในส่วนของบีทูบีอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการให้ความสำคัญกับการทำตลาดของแบรนด์เอสเพียว ซึ่งมองว่าการสื่อสารการตลาดของแบรนด์ดังกล่าวที่จะมีมากขึ้น จะสามารถทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากบูทูซีเพิ่มขึ้นเป็น 20% ในอีก 5 ปีข้างหน้า

    ด้านการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ บริษัทมีตลาดหลักอยู่ แถบยุโรปและประเทศญี่ปุ่น รวม ถึงประเทศมาเลเซีย บรูไน แคนา ดา ที่เป็นกลุ่มประเทศตลาดรอง มองว่าหากค่าเงินบาทมีการปรับตัวอ่อนค่ามากกว่านี้จะทำให้บริษัทสามารถส่งออกได้ดีกว่าที่ควร เนื่องจากตลาดส่งออกสามารถสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี โดยการขยายตลาดส่งออกของบริษัทก็มีหลายตัวแปรที่ทำให้ดำเนินการค่อนข้างยาก เพราะความแปรผันของตลาดโลกและกฎระเบียบต่างๆ ในแต่ละประเทศ

     "แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในยุโรปจะยังประสบปัญหาอยู่ และการส่งออกของบริษัทที่ไปยังยุโรปก็คิดเป็นสัดส่วนถึง 50% จากรายได้การส่งออกทั้งหมด แต่บริษัทก็ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวมากนัก เนื่องจากเป็นสินค้าประเภทอาหาร โดยยังมองว่าหากสภาพเศรษฐกิจในยุโรปยังเกิดปัญหาเช่นนี้ แต่ราคาสินค้าเนื้อสัตว์อย่างอื่นไม่ว่าจะเป็นเนื้อ ปลา และหมู ยังมีราคาสูงอยู่ เชื่อว่าอัตราการบริโภคเนื้อไก่จะมีความต้องการที่มากขึ้น เพราะเป็นเนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนราคาถูกที่สุดแล้ว" นายอรรถพลกล่าว

    อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทจะเพิ่มการทำตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และพม่า ให้มากขึ้น จากที่ได้เข้าไปขยายตลาดมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว โดยโรงงานในประเทศกัมพูชาคาดว่าจะแล้วเสร็จเพื่อทำการผลิตสินค้าได้ในช่วงกลางปี 2558 ขณะที่รายได้ในปีนี้คาดว่าจะปิดอยู่ที่ 86,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกราว 20%.

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!