- Details
- Category: การตลาด
- Published: Sunday, 07 December 2014 19:53
- Hits: 2503
เอ็น.ซี.ซี.ฯ ชวนช็อปงานไทยแลนด์เบสท์บาย
บ้านเมือง : สมาคมของขวัญฯ เผยผู้ประกอบการของขวัญ รายใหม่ทยอยเข้าร่วมเป็นสมาชิกฯ แนะผู้ประกอบการปรับตัวรับเทรนด์ดึงกำลังซื้อกลับ เสนอทางเลือกของขวัญแนวใหม่ให้ผู้บริโภค ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (ศศป.) โชว์แนวคิดในการออกแบบรักษ์โลก ปลื้มฝีมือจักสานโดนใจกลุ่มผู้ซื้อแดนมังกรเหล่าเอ็กซ์แพทชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากผ้า
น.ส.บุษยา ประกอบทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด เผยว่า "งานมหกรรมของขวัญ ไทยแลนด์เบสท์บาย เป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงปลายปี และได้จัดต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 15 เป็นเวทีซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการที่เป็น ผู้ผลิตมานำเสนอสินค้าต่อผู้บริโภคโดยตรงไม่ผ่านคนกลาง ซึ่งทุกครั้งจะมีผู้เข้าชมงานมาเลือกซื้อสินค้าในงานเป็นของขวัญมอบให้กันสำหรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่อย่างมากมาย เพราะภายในงานจะมีสินค้าหลากหลายรูปแบบจากผู้ประกอบการกว่า 800 ราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการหน้าใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ๆ ที่จะนำสินค้าแนวไอเดียทั้งรูปแบบและการใช้งานที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มาเสนอขายภายในงานมากขึ้น และปีนี้ในงานได้เปิดโซนใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ฟาร์มวิลล์ จะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นส่วนประกอบ เช่น ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สินค้าเกษตรแปรรูป อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นโซนสินค้าที่ตรงกับคอนเซ็ปต์กรีนกิ๊ฟ ของขวัญรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของวัตถุดิบจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งมลพิษในขณะหรือหลังการผลิต หรือถ้าเป็นอาหารและเครื่องดื่มก็จะเน้นการรับประทานเพื่อสุขภาพ"
ปีนี้มีผู้ประกอบการรายใหม่เป็นสัดส่วนถึง 40% ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่เคยเป็นพนักงานบริษัทแต่มีไอเดียในการทำธุรกิจแนวใหม่ ซึ่งเท่าที่ทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยพบว่า นักธุรกิจกลุ่มนี้ได้ศึกษาแนวทางมีการวางแผนการทำธุรกิจมานาน 2-3 ปี จึงไม่กลัวความล้มเหลวและตัดสินใจในการลงทุนบนพื้นฐานของความเป็นไปได้ ซึ่งก็สอดคล้องกับยอดการจดทะเบียนการค้าเพื่อเปิดธุรกิจใหม่ในปี 2557 ประเทศไทยมีสัดส่วนการเริ่มธุรกิจของผู้ประกอบการสูงที่สุดใน 63 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นร้อยละ 19.2 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ซึ่งคิดจากกลุ่มอาเซียน+3 กลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา และเพื่อที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในธุรกิจของขวัญนั้น การออกแบบสินค้าจะต้องเก๋ แปลกใหม่
แม้ว่า ราคาอาจจะสูงบ้าง แต่กลุ่มผู้ซื้อก็ยังคงสนใจ เพราะว่าผู้ซื้อกลุ่มนี้ต้องการสินค้าที่มีความแตกต่างในรูปแบบใหม่ๆ และในโอกาสที่จะเปิดประชาคมอาเซียน สินค้าที่ผลิตโดยคนไทยจะต้องมีฝีมือในการผลิตที่ดี วัตถุดิบที่ดี เพื่อไปแข่งขันในตลาดเออีซี เพราะค่าแรงของประเทศไทยมีราคาสูง จึงต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าด้วยการออกแบบ ความคงทน ที่แตกต่างจากประเทศจีนให้ได้"
นายศิริชัย เลิศศิริมิตร นายกสมาคมของขวัญ ของชำร่วยไทย และของตกแต่งบ้าน กล่าวว่า "ตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่ผ่านมายอดการส่งออกไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากปัญหาการเมือง แต่ในไตรมาสสุดท้ายของปี ยอดขายในประเทศจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากฤดูกาลปีใหม่ที่จะมาถึง คาดว่าปี 2558 จะมีสัญญาณส่งออกเป็นบวกมากขึ้นเนื่องจากจะใกล้ช่วงเลือกตั้ง
ด้านผู้ประกอบการ สมาคมฯ จะมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนที่เข้ามาใหม่ๆ นั้น นับเป็นผลดีกับผู้ซื้อ เพราะจะได้สร้างทางเลือกใหม่ๆ หรืออาจจะผลิตสินค้าตามเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการได้มากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้จะเป็นเทรนด์ที่ผู้บริโภคต้องการดูแลสุขภาพ ผู้ประกอบการกลุ่มที่ผลิตสินค้าเพื่อดูแลสุขภาพ ผู้ผลิตข้าว ผลิตเครื่องดื่ม ครีมบำรุงผิว สบู่ แชมพู ขนมต่างๆ หันมาเปลี่ยนส่วนผสมให้มีส่วนประกอบหลักเป็นพืชผักผลไม้มากขึ้น และนอกจากนี้ยังปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามพร้อมส่งมอบเป็นของขวัญได้ทันที
อย่างไรก็ตาม สินค้าของขวัญเพื่อสุขภาพมียอดขายในไทยและสามารถส่งออกได้ในประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดมากเรื่องเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องอุปโภคบริโภค ส่วนในประเทศที่มีกฏเกณฑ์ต่างๆ ในการนำเข้าสินค้าประเภทดูแลสุขภาพ ทางสมาคมฯ ได้เริ่มให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการในเรื่องนี้ เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงขั้นตอนการส่งออก ในการส่งออกสินค้าเหล่านี้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐในส่วนของการรับรองความมีคุณภาพของวัตถุดิบที่คัดภายในประเทศไทย ผู้ประกอบการด้านผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพเพิ่งจะเริ่มต้นเข้ามาทำการผลิตเพื่อส่งออก จึงยังมีเพียงแค่ 20% เมื่อเทียบกับสินค้าของขวัญทั่วไป ในอนาคตคงจะมีเพิ่มขึ้นอีก 20-30% เนื่องจากยังคงเป็นตลาดใหญ่น่าจับตามอง ด้านพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะจำกัดราคาสินค้า ซึ่งจะเป็นสินค้าชิ้นเล็กราคาโดยประมาณจะอยู่ที่ 300-500 บาท และจะซื้อสินค้าเมื่อใกล้เวลาปีใหม่มากขึ้น ใช้เวลาตัดสินใจนานขึ้น ช่วงเวลาในการซื้อสินค้าน้อยลง ด้านผู้ประกอบการควรเตรียมสินค้าไว้ทุกขนาดทุกราคา รวมทั้งเตรียมบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบไว้อย่างสวยงามเพื่อให้ผู้ซื้อนำไปมอบให้ผู้รับได้ทันทีอีกเช่นกัน