- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 29 October 2014 21:45
- Hits: 2472
บาจา ใช้ไทยเป็นฮับ ลงทุนเพิ่มกำลังผลิต
ไทยโพสต์ : ปทุมวัน * ‘บาจา’เล็งทุ่ม 150-200 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิต 3 เท่าตัว รองรับตลาดในประเทศและเพื่อนบ้าน หลังสำนัก งานใหญ่ส่งสัญญาณขอไทยเป็นศูนย์กลางในการดำเนินธุรกิจ
นายอนวัช สังขะทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมแผนที่จะลงทุนเกี่ยวกับการขยายกำลังการผลิต ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาว่าจะขยายที่บริเวณใด เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางปี 2558 และต้องใช้เงินในการลงทุนประมาณ 150-200 ล้านบาท ซึ่งหากได้ดำเนินการสร้างโรงงานใหม่ขึ้นมาแล้ว จะทำให้กำลังการผลิตรองเท้าของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า จากปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 2-3 แสนคู่ต่อปี เพิ่มขึ้นเป็นราว 9 แสนคู่ต่อปี สามารถรองรับได้อีกประมาณ 5-10 ปี โดยเฉพาะตลาดภายในประเทศ
"การเปิดประชาคมเศรษฐ กิจอาเซียนที่จะเกิดขึ้น มองว่าจะมีความต้องการของตลาดขึ้นอีกมาก จึงจำเป็นที่จะต้องมีการขยายกำลังการผลิต ซึ่งโรง งานที่ประเทศไทยยังจะเป็นศูนย์ กลางในการส่งออกไปยังหลายประเทศแถบอาเซียน ขณะเดียว กันทางสำนักงานใหญ่ที่สวิตเซอร์ แลนด์ยังได้ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการขยายธุรกิจ เพราะมีศักยภาพจากการดำเนินธุรกิจมากว่า 85 ปีของเมืองไทย" นายอนวัชกล่าว
สำหรับ แผนในการดำเนินธุรกิจ 3-5 ปีนับจากนี้ ตั้งเป้าที่จะมียอดขายเติบโตอยู่ในระดับตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง โดยในปีหน้าตั้งเป้าที่จะมีอัตราการเติบโตราว 10% ขณะที่ในปี 2559 จะเติบโตอยู่ราว 15% และในปี 2560 บริษัทจะต้องมียอดขายเติบโตอยู่ที่ 20% ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดได้นั้น จะต้องทำการขยายและปรับปรุงสาขาที่มีอยู่ โดยปัจจุบันมีอยู่ 280 สาขา จะเพิ่มอีก 5 สาขาภายในปีนี้ ขณะที่ในปี 2558 ได้เตรียมงบประมาณที่จะใช้ทั้งในการขยายสาขาพร้อมกับรีโนเวทอีก 121 ล้านบาท จากปีนี้ใช้ไปราว 87 ล้านบาท เพื่อผลักดันให้บริษัทมีสาขาที่ให้บริการครบ 400 สาขา ในปี 2560
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมองถึงตลาดที่มีศักยภาพรวมถึงกลุ่มสินค้าที่บริษัทยังไม่ได้ทำตลาด โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 จะทำการนำเข้าสินค้าเด็กอายุ 12-18 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่บริษัทยังไม่มีผลิตภัณฑ์เข้าไปทำตลาด รวมถึงยังจะนำสินค้าพรีเมียมเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอีกด้วย โดยในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโตราวๆ 4% ซึ่งลดลงจากอัตราปกติ 10-15% เนื่องจากช่วงต้นปีเจอปัญหาการเมือง.