- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 29 October 2014 14:49
- Hits: 2747
TPARK รุกตลาดร้านอาหาร พัฒนา คลังสินค้า 10,000 ตรม ใน TPARK วังน้อย 2 ให้แก่ ลินฟ้อกซ์ เพื่อให้บริการ ธุรกิจร้านอาหารประเภท Chain Restaurant
ลินฟ้อกซ์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทโลจิสติกส์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าขนาด 10,000 ตารางเมตร บนพื้นที่ 26 ไร่ในโครงการ TPARK วังน้อย 2 โดยคลังสินค้านี้จะถูกพัฒนาขึ้นตามความต้องการ(Built to Suit Warehouse) ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่คลังสินค้าอาหารแห้ง(Ambient Warehouse) และห้องเย็น(Cold Storage) สำหรับจัดเก็บอาหารสดและแช่แข็งเพื่อให้บริการด้านโลจิสติกส์แก่ธุรกิจร้านอาหารประเภท Chain Restaurant โดยในขั้นต้นจะให้บริการแก่ ยัม-เรสเทอรองตส์ เจ้าของ ผู้บริหาร และผู้ให้สิทธิ แฟรนไชส์ ร้านอาหารบริการด่วน เคเอฟซี และ พิซซ่าฮัทในประเทศไทยการเซ็นสัญญาครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของ TPARK ในการรุกคืบสู่ตลาดใหม่ด้านธุรกิจร้านอาหาร
นายเดวิด เอมส์ กรรมการผู้จัดการ บจก ลินฟ้อกซ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ธุรกิจของบริษัท ยัม-เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนลกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทางยัมได้เลือกบริษัทลินฟ้อกซ์ให้เป็นpartner ในการให้บริการด้าน supply chain อันเนื่องมาจากความเชี่ยวชาญในการทำงาน และความรู้ในด้านโลจิสติกส์ของสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิเช่นเดียวกับที่ทางลินฟ้อกซ์จึงได้เลือกTPARK ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างและพัฒนาคลังสินค้าขึ้นตามความต้องการของลูกค้า โดยโครงการ TPARK วังน้อย 2 ตั้งอยู่บนทำเลยุทธศาสตร์ที่เอื้ออำนวยต่อการขนส่งและการส่งมอบอาหารสดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้แก่ร้านเคเอฟซีและพิซซ่าฮัท ที่มีกระจายอยู่โดยทั่วประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นในประสบการณ์อันยาวนานและทีมงานที่มีคุณภาพของ TPARK ลินฟ้อกซ์จึงได้ให้ความไว้วางใจ TPARK ในการพัฒนาคลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของยัม-เรสเทอรองตส์ โดยจะมีห้องเย็นอยู่ภายในบริเวณพื้นที่เช่ารวม โดยขนาดของห้องเย็นครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร และส่วนที่เหลือจะเป็นพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าของแห้งและการให้บริการด้านโลจิสติกส์”เรามองไปถึงการที่เรามีส่วนร่วมมือกันในครั้งนี้ รวมทั้งการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 บริษัท
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK ผู้นำในการพัฒนาโครงการโลจิสติกส์พาร์คและคลังสินค้าคุณภาพสูงเพื่อให้เช่าของประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ลินฟ้อกซ์เลือกโครงการ TPARK วังน้อย 2 เป็นที่ตั้งคลังสินค้าเพื่อให้บริการด้านโลจิสติกส์แก่ลูกค้ารายสำคัญของลินฟ้อกซ์ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงจุดเด่นของโครงการด้านทำเลที่ตั้งที่เหมาะอย่างยิ่งในการเป็นที่ตั้งศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและโมเดิร์นเทรด เนื่องจากโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้ทางหลวงสายหลักและวงแหวนรอบนอก ทำให้ TPARK วังน้อย 2 มีความเหมาะสมสำหรับการกระจายสินค้าไปยังกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
“การที่ลินฟ้อกซ์ให้ความไว้ววางใจ TPARK ในการพัฒนาคลังสินค้าตามความต้องการเฉพาะของ ยัม-เรสเทอรองตส์ ซึ่งเป็นลูกค้าในธุรกิจร้านอาหาร ประเภท Chain Restaurant รายแรกของ TPARK นับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ TPARK ในการก้าวสู่ตลาดด้านธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ด้วยทำเลที่ตั้งในจุดยุทธศาสตร์หลักๆที่มีอยู่ทั่วประเทศและความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับของ TPARK เราเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะมีลูกค้าในเซกเม้นท์นี้เข้ามาใช้บริการของ TPARK มากขึ้น”นายปธานกล่าว
เพื่อเป็นการรองรับความต้องการคลังสินค้าคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจในแถบวังน้อย TPARK จึงได้พัฒนาโครงการโลจิสติกส์ขึ้น 2 โครงการในทำเลนี้ โครงการแรก TPARK วังน้อย 1 ซึ่งมีพื้นที่ให้เช่ารวม 112,000 ตารางเมตร ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ภายใน 3 ปี โครงการ TPARK วังน้อย 2 จึงถูกพัฒนาขึ้น โดยครอบคลุมเนื้อที่กว่า 650 ไร่ ซึ่งแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟส ขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาเฟสแรก บนเนื้อที่ 320 ไร่ และจะมีพื้นที่คลังสินค้าให้เช่ารวม 210,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ TPARK กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าพร้อมใช้เพิ่มเติมในโครงการดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในแถบวังน้อยที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับลินฟ้อกซ์
ลินฟ้อกซ์ เป็นบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์เอกชนรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ซึ่งกำลังขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วในเอเชียและนิวซีแลนด์ ธุรกิจของลินฟ้อกซ์ ครอบคลุมการให้บริการคลังสินค้าและการกระจายสินค้าแบบครบวงจร การบริหารศูนย์กระจายสินค้าโดยใช้ระบบการบริหารคลังสินค้าที่ล้ำสมัย และเครือข่ายศูนย์บริการที่หลากหลาย ลินฟ้อกซ์มีระบบการบริหารที่มีประสิทธภาพสูงสำหรับสินค้าปริมาณมาก ที่รองรับการจัดเก็บได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้งยังสามารถรองรับความต้องการที่เกินคาดของลูกค้าได้
ในปี 2556 สินค้าคงคลังภายใต้การบริหารของลินฟ้อกซ์ มีมูลค่ารวมห้าหมื่นล้านดอลล่าร์ออสเตรเลีย และทำลายสถิติสูงสุดด้านความแม่นยำในการนับสต็อกสินค้าและการให้บริการทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ลินฟ้อกซ์มีรถบรรทุกรวม 5,000 คัน เดินทางเป็นระยะทางรวม 750 ล้านกิโลเมตร เพื่อให้บริการเครือข่ายคลังสินค้าที่มีพื้นที่เติบโตขึ้นมากกว่า 4.2 ล้านตารางเมตร
ปัจจุบัน ลินฟ้อกซ์มีพนักงานมากกว่า 23,000 คน ใน 10 ประเทศ ให้บริการ 5 ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีอัตราการบริโภคสูง (FMCG) ค้าปลีก อุตสาหกรรมและทรัพยากร การขนส่งข้ามเมืองและงานด้านกลาโหมของรัฐบาลออสเตรเลีย
เกี่ยวกับ TPARK
TPARK หรือ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 2,500 ล้านบาท เป็นบริษัทในเครือ TICON หรือ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการให้เช่าโรงงานสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยบริษัท TPARK เป็นบริษัทแห่งแรกของไทย ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ให้ดำเนินธุรกิจพัฒนาเขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาเขตอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ (Logistics Parks) และคลังสินค้าสำหรับเช่า ทั้งประเภทคลังสินค้าคุณภาพสูงพร้อมใช้ (Ready Built Warehouse: RBW) เพื่อให้ผู้เช่าดำเนินกิจการได้ทันที และคลังสินค้าที่สร้างตามความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า (Built to Suit: BTS) นอกจากนี้ ภายในโครงการของ TPARK ยังได้ออกแบบและพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่จำเป็น ด้วยมาตรฐานระดับสูงเพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์
ปัจจุบัน TPARK มีโครงการทั้งสิ้น 32 แห่งบนที่ดินรวม 5,343 ไร่ และคลังสินค้าที่มีผู้เช่าแล้ว รวมพื้นที่กว่า 1,056,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ สำหรับพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนา ภายในสิ้นปี 2557 จะมีพื้นที่คลังสินค้าทั้งสิ้นประมาณ 1,320,000 ตารางเมตรซึ่งกลุ่มลูกค้าของบริษัทเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็คทรอนิกส์ ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ และผู้ดำเนินธุรกิจประเภทค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค จำนวนกว่า 78 บริษัท