- Details
- Category: การตลาด
- Published: Friday, 24 October 2014 22:00
- Hits: 2946
มหกรรมหนังสือฯ คนทะลักกว่า 1.2 ล้านคน
บ้านเมือง : นายจรัญ หอมเทียนทอง นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงภาพรวมครึ่งทางของ 'มหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 19' ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันพุธที่ 15 ถึงวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2557 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า พิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจซบเซาในช่วงปีนี้ ถือว่าครึ่งทางของงานมหกรรมหนังสือฯ ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายในแง่ของผู้ร่วมงาน เพราะจาก 6 วันที่ผ่านมามีผู้เข้าชมงานอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคนแล้ว โดยส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและเยาวชน รองลงมาคือวัยทำงาน แม้ว่ายอดซื้อหนังสือต่อคนจะลดลงบ้างก็ตาม
"สำนักพิมพ์ต่างๆ มีหนังสือปกใหม่เยอะกว่าปกติ ปกติจะราว 300 ปก แต่งานครั้งนี้ออกกันมาราว 500 ปก และต่างก็งัดกลยุทธ์ทางการตลาดมาแข่งขันกันอย่างจริงจังเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้อ่านให้มากที่สุด อาทิ การออกหนังสือเป็นบ็อกเซต ทั้งพ็อกเกตบุ๊คแนวไลฟ์สไตล์ นิยายแนวต่างๆ และวรรณกรรมเชิงสร้างสรรค์ รวมถึงมีการใช้คูปองลดราคาในสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ เพื่อดึงดูดใจให้เพิ่มการซื้อถึงระดับที่สำนักพิมพ์กำหนด เพื่อที่จะได้ลดราคามากกว่าเดิม เช่น ซื้อครบ 2,000 บาท จะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 200 บาท ซึ่งแม้จะทำให้สำนักพิมพ์ได้กำไรลดลง แต่ก็ช่วยเพิ่มยอดการซื้อได้"
อย่างไรก็ตาม ยอดการซื้อหนังสือต่อคนลดลงอย่างค่อนข้างเห็นได้ชัด จากที่เคยซื้อกันคนละประมาณ 5-10 เล่ม เหลือประมาณคนละ 3-6 เล่ม เพราะมีการไตร่ตรองมากขึ้น และจะซื้อเฉพาะเล่มที่ตัวเองต้องการจริงๆ ส่วนเทรนด์หนังสือที่มาแรงในครั้งนี้คือหนังสือที่นักเขียนต่อยอดผลงานของตัวเองจากโลกออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ บล็อก แฟนเพจต่างๆ เป็นต้น โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก และหลายเล่มมีการพิมพ์ซ้ำเพิ่มเติมระหว่างงาน รวมถึงหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง ทั้งในด้านของการเพิ่มพูนความสามารถและวิธีสร้างรายได้เพิ่มเติมที่วัยรุ่นและวัยทำงานให้ความสนใจอย่างสูง
นายจรัญ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ตนขอเสนอรัฐบาลให้ทำโครงการ'คูปองปัญญา'แจกคูปองให้ประชาชนคนละ 200 บาท เพื่อซื้อหนังสือที่ไหนก็ได้ เพราะมีคนไทยอีกมากที่อยากอ่านหนังสือ แต่ไม่สามารถซื้อได้ โดยนอกจากจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมหนังสือแล้วนั้น ยังเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องสร้างคนคุณภาพให้เกิดขึ้นในสังคมด้วย และการลงทุนด้วยหนังสือถือเป็นการลงทุนที่ถูกมากเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่น และยังสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้สังคมได้จริงๆ การที่มีคนมางานหนังสือมากขนาดนี้น่าจะเป็นตัวเลขที่ทำให้รัฐบาลมองบ้างว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ประชาชนต้องการอะไรจากประเทศนี้ และน่าจะเป็นความเห็นหนึ่งที่ส่งถึงรัฐบาลได้ว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเหลียวมามองอุตสาหกรรมหนังสือบ้าง เพราะรัฐมีหน้าที่สร้างคนให้เป็นคนคุณภาพ