- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 01 April 2020 20:23
- Hits: 5543
อีฟ โรเช่ นำทัพสู้ภัยโควิด-19 พลิกเกมธุรกิจความงาม
เผยกลยุทธ์ Omnichannel ประสบการณ์ไร้รอยต่อในโลกออนไลน์และออฟไลน์
พร้อมย้ำถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและไม่ทิ้งพนักงานในภาวะวิกฤติ
บริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์จากพฤกษาพรรณจากฝรั่งเศสกว่า 61 ปี เร่งนำธุรกิจสู่โลกดิจิตัลอย่างเต็มตัว ยอมรับได้ผลกระทบจากโควิด-19 เผยกลยุทธ์ omni-channel การดำเนินธุรกิจอย่างไร้รอยต่อในโลกออนไลน์และออฟไลน์ มีการเตรียมการไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 มุ่งมั่นออกสตาร์ตขับเคลื่อนธุรกิจสู่โลกดิจิตัลอย่างเต็มตัว ย้ำนโยบายอุ้มพนักงานอย่างเต็มความสามารถ มั่นใจธุรกิจไปต่อได้หากทุกคนก้าวไปพร้อมกัน
คุณวิลาสินี ภาณุรัตน์ Chief Marketing Officer บริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงกลยุทธดิจิตัลไว้ว่า “แนวคิดหลักของการเปลี่ยนแปลงในปี 2563 นี้คือการตลาดแบบ omni-channel เพื่อให้ธุรกิจมีควาดยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่พฤติกรรมของผู้บริโภคหรือการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจระดับประเทศ เรามีการวางแผนการที่จะผนวกบริการหน้าร้านเข้ากับการสื่อสารกับผู้บริโภคในโลกดิจิตัลไว้แล้ว สิ่งที่เราทำตอนนี้ ก็เพียงปรับแผนให้เลื่อนมาเร็วขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องยอดขายย่อมได้รับผลกระทบเนื่องมาจากปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ หลักๆ ก็คือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์จีดีพีประเทศไทยจากบวก 2.8% เป็นติดลบ 5.3% ดังนั้นจึงต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบรุนแรง แต่ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้”
หากได้ติดตามตลาดความงามในเมืองไทยมาตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่าแบรนด์ อีฟ โรเช่ กลายเป็นแบรนด์ที่เป็นที่พูดถึงในโลกดิจิตัลกันอย่างหนาหู ทั้งนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัท อีฟ โรเช่ (ประเทศไทย) จำกัด นำโดยคุณวิลาสินี ภาณุรัตน์ ที่เชื่อมั่นว่าแบรนด์มีศักยภาพสูงที่จะเติบโตในตลาดคนรุ่นใหม่ได้ด้วยคุณภาพการันตีด้วยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศฝรั่งเศสทั้งหมด ซึ่งที่อยู่หลักของคนกลุ่มคนรุ่นใหม่นั้นคือโลกดิจิตัล ดังนั้นอีฟโรเช่จึงจะต้องสื่อสารให้ตลาดเห็นถึงตัวตนที่ชัดเจนและแตกต่าง โดยได้หยิบเอาความเป็นแบรนด์ความงามธรรมชาติอย่างจริงใจและมีความรับผิดชอบ (Natural, Authentic and Responsible Beauty) ซึ่งแบรนด์ดำเนินการเช่นนั้นจริงมากว่า 61 ปีแล้ว และเล็งเห็นว่าตรงกับเทรนด์ความสนใจของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสนใจกับการดูแลโลกไปพร้อมๆ กับการดูแลตนเอง และผลก็เป็นตามคาด หลังจากที่ได้มีการสื่อสารผ่านสื่อออนไลน์และเหล่าบล็อกเกอร์สู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ แบรนด์จึงมียอดขายและยอดการเติบโตสูงที่สุดในรอบ 12 เดือนในเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนหลังจากเริ่มแคมเปญ ก็มีผู้สมัครสมาชิกใหม่กับอีฟ โรเช่หลายหมื่นคน ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดตลอดกาล นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อีฟ โรเช่ ประเทศไทยได้รับตำแหน่งอันดับ 1 ในโซเชียลมีเดียท่ามกลางกลุ่มแบรนด์ความงามในประเทศไทย โดยยังเป็นแบรนด์อันดับ 1 เป็นที่พูดถึง (mention) และการสร้างปฏิสัมพันธ์ (Engagement) ในกลุ่มผู้บริโภคในเดือนมกราคมที่ผ่านมา[1]
หลังจากชัยชนะในเดือนแรกที่ได้เริ่มต้นในช่วงต้นปี อีฟ โรเช่ก็ยังคงสร้างกระแสในโลกโซเชียลด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้นและวิธีการสื่อสารใหม่ๆ ในทุกช่องทางออนไลน์ โดยเน้นไปที่โซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่เพียงสร้างให้เกิดการพูดถึงมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดการเติบโตของยอดขายสูงสุดในรอบ 12 เดือนอีกด้วย
ทว่าเมื่อก้าวสู่เดือนมีนาคมไม่นาน ก็เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงที่คุกคามคนไปทั่วโลก จนถึงวันที่ 29 มีนาคม 2563) ทั่วโลกก็มียอดสะสมผู้ป่วย 634,835 ราย และเสียชีวิตกว่า 29,957 รายแล้ว แม้ในไทยจะยังมีตัวเลขผู้ป่วยเพิ่งแตะหลักพันไปไม่นาน แต่จากการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญว่าโควิด-19 จะระบาดอย่างเรื้อรังและในวงกว้าง ก็ส่งให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อความมั่นคงของเศรษฐกิจ และเมื่อรัฐประกาศมาตรการรับมืออย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นแต่ก็ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อชีวิตและการดำเนินธุรกิจมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือร้านของอีฟ โรเช่ที่ส่วนใหญ่อยู่ในห้างทั่วประเทศ จากกว่า 99 สาขา ตอนนี้มีเพียง 2 สาขาเท่านั้นที่เปิดให้บริการได้ตามปกติ
ดังนั้น เพื่อที่จะช่วยให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลังและเพื่อให้บริการต่อลูกค้าได้อย่างไม่ขาดตอน อีฟ โรเช่ จึงเปิดบริการ BA Commerce หรืออธิบายได้ว่าการที่สาวๆ BA (Beauty Advisor) ที่เคยต้อนรับลูกค้าที่หน้าร้านนั้น สื่อสารกับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์และแอปพลิเคชั่นไลน์แทน โดยคุณวิลาสินีได้กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ว่า “ที่อีฟ โรเช่ เรายืนยันในความตั้งใจจริงที่จะดูแลพนักงานไม่ต่างจากคนในครอบครัว ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤติ เราจึงอยากหาทางออกที่ช่วยให้ทุกคนก้าวไปด้วยกันได้ และเรามั่นใจในความสามารถในการขายของสาวๆ BA ของเราอย่างมาก ทั้งยังมีความรู้ลึกเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของอีฟ โรเช่ ซึ่งเป็นสองคุณสมบัติที่มีคุณค่ามาก สิ่งที่ต้องปรับคือช่องทางการสื่อสารเท่านั้น ในสภาวะการณ์เช่นนี้ เราเชื่อว่าเป็นช่องทางที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใกล้เคียงกับการมาที่ร้านอีฟ โรเช่มากที่สุดก็ว่าได้”
แต่ก็คงต้องยอมรับว่าอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจออนไลน์ก็คือ e-commerce ซึ่ง Yves Rocher มี Official Store อยู่ทั้งใน Lazada Shopee และ Konvy 3 ผู้เล่นสำคัญในตลาด e-commerce ไทยอยู่แล้ว และในช่วงเดือนที่ผ่านมา ก็จะได้เห็นว่าอีฟ โรเช่ ได้กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาด e-commerce ด้วยความรวดเร็ว อาทิยอดขายในแคมเปญ Birthday ของ Lazada ที่ผ่านมา Yves Rocher นั้นได้ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 3 ผู้นำในเรื่องยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม (haircare)
เมื่อมีช่องทางการสื่อสารและซื้อขายกับลูกค้าหลากหลายขึ้น อีฟ โรเช่เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะทำการตลาดแบบ omnichannel ให้เกิดขึ้นจริงอย่างรวดเร็วที่สุด โดยจะมีการเก็บฐานข้อมูลรวมไว้ความสะดวกในการให้บริการลูกค้าในระยะถัดไป และนั่นคือเป้าหมายที่อีฟ โรเช่กำลังจะก้าวไปถึงพร้อมกัน
นอกเหนือไปจากนั้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการต่อสู้กับโควิด-19 Groupe Rocher บริษัทแม่ของแบรนด์ Yves Rocher ยังได้ประกาศร่วมเป็นหนึ่งกำลังในสนับสนุนโรงพยาบาลในท้องถิ่น ได้เร่งการผลิตเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายที่จะผลิต 45,000 ต่อสัปดาห์โดยเริ่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (23 มีนาคม) และจะยังคงมุ่งมั่นผลิตต่อไปเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือร่วมใจเพื่อเพื่อนมนุษย์และโลกของเรา และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!
[1] จากการสำรวจ Social Listening โดย Zanroo เดือนมกราคม 2563
AO4033
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web