- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 11 October 2014 15:15
- Hits: 5621
LOLANE อัดกว่า 20 ล้านบาทโดยยอดส่งท้ายปี ส่งน้องใหม่ Intense Care Leave-in Hyaluronic Serum ดูแลผมสวยให้สาวไทย
LOLANE เปิดกลยุทธ์ไตรมาสสุดท้าย ส่งผลิตภัณฑ์ Intense Care Leave-in Hyaluronic Serum ดูแลเส้นผมให้สาวไทยตอบโจทย์สาวชอบยืด ดัด ทำสี ไดร์ เป่า ม้วนลอน ไร้กังวล การันตีด้วย รางวัล Marie Clair มาด้วยในประเภท Most Impressive Performance Hair Care Product นวัตกรรมคือเป็นกรดไฮยาลูรอนิคประจุบวก ซึ่งผมที่เสียจะมีประจุลบอยู่มาก ทำให้ไฮยาลูรอนิคเซรั่มของโลแลนอินเทนซ์แคร์สามารถถูกดูดเข้าหาผมเสียได้เหมือนแม่เหล็ก เข้าฟื้นฟูความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกด้วยพลังของกรดไฮยาลูรอนิคที่เทียบเท่ากับน้ำถึง6,000 เท่าสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังใช้ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน ตั้งเป้ายอดขายปี 2014 ตั้งไว้ที่ 1,200 ล้านสินค้าใหม่ตัวนี้คิดว่าจะทำรายได้ที่ 55 ล้านในปีนี้
นายวิบูลย์ สมบูรณ์ศักดิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฎิบัติการขาย บริษัท เอส.ซี.เสรีชัย บิวตี้ จำกัด บริษัทผู้ผลิตคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีคุณภาพภายใต้แบรนด์ LOLANE เปิดเผยว่าภาพรวมผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในปี 2013เทียบกับปี 2014 ค่อนข้างต่างกันอยู่มากในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดการเติบโต ในปี 2013 ผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงพิเศษจะมีอัตราการเติบโตสูงมากแบบก้าวกระโดด ในขณะที่ตลาดคอนดิชันเนอร์โตน้อยมาก รวมถึงแชมพูที่เป็นสินค้าที่แทบไม่สามารถขยายตลาดเพิ่มได้แล้ว
ในปีนี้มีความเปลี่ยนแปลงเด่นชัด ฝั่งอินเตอร์แบรนด์หันมาเล่นกลยุทธ์ ราคาอย่างรุนแรง ด้วยการทำสินค้าซื้อ 1 แถม 1 ออกมาป้องกันส่วนแบ่งการตลาดให้กับตลาดคอนดิชันเนอร์แบบตลอดทั้งปี เพื่อให้ผู้บริโภคใช้แชมพู + คอนดิชันเนอร์ของตัว ในส่วนแบรนด์โลคอล ก็พยายามรักษาแชร์ด้วยการเล่นราคาและโปรโมชั่น และยังมีแบรนด์นำเข้าราคาถูกอีกที่เข้ามาเล่นในตลาด มีการแข่งขันด้านราคารุนแรงมาก ทำให้ภาพรวมของปีนี้คิดว่าตลาดนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยยอดเติบโตในเชิงปริมาณมากกว่ามูลค่า นอกจากนี้ยังมีการอัดงบโฆษณาสินค้าตัวแชมพูและคอนดิชันเนอร์สูงขึ้นมากสวนกระแสเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงต้นปีที่มีวิกฤติทางการเมือง
ในส่วนของโลแลน เองก็ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักอยู่เหมือนกันในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จากสงครามราคาและโปรโมชั่น 1 แถม 1 ของบริษัทอินเตอร์แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในตลาด และยังเม็ดเงินโฆษณาที่มหาศาล แต่เราก็ฝ่าฟันมาได้โดยไม่ได้ลงไปเล่นในตลาดราคาแข่งกับเขาโดยอัตตราการเติบโตโดยรวมถึงสิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตโดยรวมประมาณ 14% ส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับตลาดดูแลเส้นผมโดยรวมน้อยอยู่ แล้ว
เพราะบริษัทไม่ได้ลงแข่งขันในตลาดแชมพูและคอนดิชันเนอร์ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ารวมมากที่สุด แต่บริษัทเลี่ยงมาแข่งขันในตลาดทรีทเมนท์กับซูเปอร์ทรีทเมนท์แทน ซึ่งสินค้าของบริษัท แบรนด์ โลแลน เป็นหนึ่งใน 5 แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในตลาดนี้
ในด้าน การแข่งขัน บริษัทไม่ เข้าไปแข่งในเรื่องของราคา เพราะกำลังการผลิตของบริษัทและในเชิงของ Economy of Scale บริษัทก็สู้คู่แข่งรายใหญ่ไม่ได้อยู่แล้ว ส่งที่บริษัท ทำคือยึดมั่นในการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่ไม่แพง เน้นการสร้างแบรนด์ สร้างโอกาสในการทดลองใช้สินค้า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของโลแลนไว้ ในส่วนของโปรโมชั่นก็ทำตามแผนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงให้หนักขึ้น แต่บางช่วงสถานการณ์ก็มีการโหมทำแคมเปญบ้างเพื่อ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้
ด้านนางสาว ชัญญา ศรีธัญรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายสร้างสรรค์และการตลาด กล่าวเสริมว่า จาก สภาพเศรษฐกิจในตอนนี้กับก่อนยุค คสช ต่างกันอยู่มาก ในช่วงครึ่งปีแรกสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรง ดัชนีย์ความเชื่อมั่นและดัชนี ความสุขของคนไทยลดต่ำมาก อาจด้วยเหตุนี้แบรนด์ต่างๆ จึงต้องหันมาทำโปรโมชั่นราคาเพื่อกระตุ้นการซื้อ แต่ในช่วงหลังที่เหตุการณ์ทางการเมืองเรียบร้อยลง ดัชนี ความสุขและความเชื่อมั่นของคนไทยดีขึ้น ทำให้ผู้บริโภคอยู่ในอารมณ์ที่อยากจับจ่ายใช้สอยมากกขึ้น จึงเชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังนี้สภาพตลาดโดยรวมก็จะดีขึ้นและมีทิศทางที่เปลี่ยนไปด้วย
“ในช่วงที่สถานการณ์การเมืองรุนแรง ผู้บริโภคไม่มั่นใจในการใช้เงิน ทำให้เริ่ม trade down ลงมาจับจ่ายสินค้าที่ราคาย่อมเยาว์ลง โดยที่ยังรักษาคุณภาพไว้ สินค้าในกลุ่มแมสทีจ หรือPremium Mass จึงเป็นกลุ่มสินค้าที่น่าจับตามอง ด้วยเหตุนี้บริษัท จึง launch sub-brand Lolane Intense Care ขึ้นมา เพื่อเจาะกลุ่มตลาด Masstige นี้ ด้วยนวัตกรรมของสินค้า คุณภาพ ภาพลักษณ์ในราคาที่เหมาะสม”
ในเรื่องการประหยัดต้นทุน บริษัท จะใช้ในเชิงหาไอเดียใหม่ๆ หรือหนทางใหม่ๆ ในเชิงการผลิตโดยเน้นที่บรรจุภัณฑ์ที่จะลดขั้นตอนลงเพื่อประหยัดเวลาและต้นทุนค่าแรง หรือในเชิงของการบริหารสินค้าคงคลังเพื่อลดภาระสต๊อคสินค้า ในเรื่องการปรับราคา เราปรับเพียงบางตัวในเปอร์เซนต์ที่น้อยมาก เพราะในสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวสูงขนาดนี้ เรายังไม่กล้าที่จะเสียแชร์ด้วยการขึ้นราคาสินค้าแม้ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นมากก็ตาม
ในปีนี้ ปีนี้ผลิตภัณฑ์โลแลน ที่มุ่งทำประชาสัมพันธ์ในส่วนของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมจะมีสองส่วน ส่วนของสินค้าสำหรับช่างผมมืออาชีพบริษัทได้ออกไลน์สินค้าในกลุ่ม Pixxel Detoxificationที่มีแชมพูและครีมบาธมาทั้งหมด 3 สูตร ตรงนั้นเน้นทำตลาดกับช่างผมมืออาชีพ เน้นการทดลองใช้และการแนะนำสินค้า
ส่วนในฝั่งตลาด Consumer บริษัทหันมาเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและมีคุณภาพสูง สร้าง sub-brand ใหม่ที่มีภาพลักษณ์ชัดเจนในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีและคุณภาพ เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบน จุดแข็งคือคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เราเน้นการประชาสัมพันธ์และสื่อโฆษณาที่ให้เห็นภาพลักษณ์และเน้นให้ข้อมูลจึงเลือกสื่อสิ่งพิมพ์ในหน้านิตยสารที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการเข้าไป รวมถึงสื่อออนไลน์และสื่อวิทยุบางสถานีมากกว่า แต่ด้วยงบประมาณที่บริษัท มีน้อยจึงหวังยอดขายได้ไม่มากนัก แต่บริษัท หวังการเติบโตที่ sustainable
ในช่วง ไตรมาสุดท้ายของปีนี้ บริษัท มี สินค้าในกลุ่ม Lolane Intense Care ซึ่งมีการพัฒนาค้านวัตกรรม launch ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม sub-brand นี้ ทั้งหมด 2 ไลน์ 5 ผลิตภัณฑ์ คือไลน์ของ Intense care Keratin Repair Mask ซึ่งมี 4 สูตร ใช้นวัตกรรมของ Keratin Matching Intelligent ผสานเคราติน 3 ขนาดโมเลกุลที่ทำงานสอดประสานกันเพื่อเข้าซ่อมแซมและฟื้นฟูผมแห้งเสียตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอกเส้นผม มี 4 สูตรซึ่งส่วนประกอบในแต่ละสูตรก็ต่างกันไปตามสภาพเส้นผมคือ สูตรสำหรับผมแห้งเสียจากการทำสี สูตรผมแห้งเสียจากความร้อนเครื่องเป่า ไดร์ หนีบ ม้วนลอน สูตรผมแห้งเสียจากการทำเคมียืดหรือดัด และล่าสุดคือสูตรผมแห้งเสียจากปัจจัยภายนอกและมลภาวะ
ส่วนอีกผลิตภัณฑ์คือ Intense Care Leave-in Hyaluronic Serum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราชนะรางวัล Marie Clair มาด้วยในประเภท Most Impressive Performance Hair Care Productนวัตกรรมคือเป็นกรดไฮยาลูรอนิคประจุบวก ซึ่งผมที่เสียจะมีประจุลบอยู่มาก ทำให้ไฮยาลูรอนิคเซรั่มของโลแลนอินเทนซ์แคร์สามารถถูกดูดเข้าหาผมเสียได้เหมือนแม่เหล็ก เข้าฟื้นฟูความชุ่มชื้นอย่างล้ำลึกด้วยพลังของกรดไฮยาลูรอนิคที่เทียบเท่ากับน้ำถึง 6,000 เท่า ทำให้ผมที่แห้งเสีย ฟื้นคืนความชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวา ดูมีน้ำหนัก และเนื้อผมดูสดฉ่ำ สวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังใช้ติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน
ยอดขายปี 2014 ตั้งเป้าไว้ที่ 1,200 ล้านสินค้าใหม่ตัวนี้คิดว่าจะทำรายได้ที่ 40 ล้านในปีนี้ เนื่องจากเพิ่งวางตลาด เรื่องการเป็นเจ้าตลาดสำหรับตัวนี้ยังไม่หวังในปีนี้ แต่หวังว่าจะครองแชมป์ได้ภายใน 3ปีซึ่งตอนนี้ตัว Treatment ของเราคือNatrua Treatment ยอดขายทั่วประเทศก็อยู่ในราวที่ 2 อยู่แล้วในตลาดผลิตภัณฑ์ทรีทเมนท์เส้นผม
สำหรับงบทำตลาดโดยรวมอยู่ 25% โดยสินค้าใหม่นี้ตั้งงบทำการตลาดไว้ที่ราว 20 ล้านบาทในปีนี้แผนการตลาดต่างประเทศเราจะใช้กลยุทธ์เดียวกับที่ทำในประเทศคือการสร้างแบรนด์และความชัดเจนให้แต่ละ sub-brandซึ่งเราจะค่อยๆ roll out แผนนี้กับแต่ละประเทศด้วยและเลือกlaunch ทีละ sub-brand ที่ตรงกับความต้องการหลักของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ จะตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่โดยเฉพาะสังคมเมืองที่ทำเคมีกับผมเยอะไม่ว่าจะยืด ดัด ทำสี หรือแม้แต่ผู้บริโภคที่ต้องไดร์ เป่า ม้วนลอน หรือหนีบผมเป็นประจำ หรือจะภาวะของวัยที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผลต่อสภาพเส้นผมที่อ่อนแอลงทั้งนั้น และจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจให้กับผู้บริโภคแน่นอน และผลิตภัณฑ์นี้เจาะกลุ่มไปที่ชนชั้นกลางซึ่งเป็นชนชั้นที่มีอัตราการจับจ่ายใช้สอยสูงที่สุด
