- Details
- Category: การตลาด
- Published: Wednesday, 08 October 2014 22:05
- Hits: 3172
'สิงห์'ขยายไลน์ 'ready-to-drink'
แนวหน้า : นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายสาย (ไลน์) สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในรอบ 10-15 ปี ด้วยการนำเครื่องดื่มกลุ่ม (เซกเมนต์) ใหม่ ที่ทำจากผลไม้หมักผสมแอลกอฮอลล์ 3.5% มาจำหน่ายในไทย ภายใต้แบรนด์ 'ไซเดอร์ เบย์'(Syder Bay) ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ชนิดพร้อมดื่ม (ready-to-drink) รวม 3 รสชาติ คือ Pop (Apple) ให้ความรู้สึกสนุกสนาน, Reggae (Peach) เสนออารมณ์เปรี้ยวอมหวาน และ Jazz (Red Berry) ให้ความรู้สึกหวานหอมและสดชื่น บรรจุในขวดแก้ว ขนาด 275 มล. ราคาขวดละ 32 บาท เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อายุ 20 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้ เครื่องดื่มดังกล่าวเป็นที่นิยมในยุโรปและอเมริกา ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้แพร่หลายมายังญี่ปุ่นและเอเชีย ดังนั้นบริษัทในฐานะผู้นำตลาดแอลกอฮอลล์ จึงนำมาทำตลาดในไทย ซึ่งจะเป็นการจ้างผลิต เพราะบริษัทไม่มีนโยบายตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มดังกล่าวเอง โดยในช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 มีกำลังการผลิต 1.6 ล้านลิตร และปี 2558 จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 20 ล้านลิตร และเพิ่มรสชาติใหม่อีก 2 รสชาติ
นอกจากนี้ปี 2558 บริษัทมีแผนขยายตลาดไปยังฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลี ในรูปแบบของการจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายเครื่องดื่มเบียร์สิงห์ที่มีอยู่ในประเทศนั้นๆอยู่แล้ว เพื่อสร้างแบรนด์ทั้งในไทยและต่างประเทศ
สิงห์ ชูไซเดอร์เบย์แก้ลำเบียร์ซบ
ไทยโพสต์ : พระราม 9 * ‘สิงห์’ เดินเกมไตร มาสสุดท้าย พร้อมเสิร์ฟ ‘ไซเดอร์ เบย์’ สินค้าน้องใหม่กลุ่มแอลกอ ฮอล์ในรอบ 10-15 ปี เตรียมส่งออก โอดปีนี้เบียร์โตได้แค่ 1%
นายฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ในตอนนี้บริษัทพร้อมที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรอบ 10-15 ปี ภายใต้แบรนด์ 'ไซเดอร์ เบย์' ซึ่งจะมีลักษณะเป็นน้ำผลไม้ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย โดยสินค้าดังกล่าวจะเป็นอีกหนึ่งขาที่สำคัญ และจะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทอีกด้วย
สำหรับ แผนในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ไซเดอร์ เบย์ จะเริ่มทำการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยได้เตรียมงบทางการตลาดไว้ที่ 60 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นทำการตลาดในส่วนของออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียเป็นหลักหรือราว 30% เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ขณะเดียวกันยังได้ผลิตภาพยนตร์โฆษณาที่ถ่ายทำใน 3 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น พร้อมกับนำสินค้าเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศดังกล่าวรวมถึงประเทศเกาหลีและกลุ่มประเทศอาเซียนที่ในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการศึกษาตลาด และยังได้เจรจาที่จะนำเข้าไปขาย ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด หากทางสนามไม่มีสินค้าใกล้เคียงกันจำหน่ายอยู่แล้ว
ด้านช่องทางของการจำ หน่ายแบ่งเป็นตามร้านอาหารผับบาร์และร้านค้าทั่วไปอย่างละ 50:50 เริ่มวางตลาดอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ต.ค.นี้ โดยคาดว่าตลาดในกลุ่มเครื่องดื่มอาร์ทีดีที่คาดว่าสิ้นปีจะมีมูลค่าอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท และในปีหน้าจะอยู่ที่ 6,300 ล้านบาท
นายฉัตรชัยยังกล่าวว่า เทศกาลลานเบียร์ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ในส่วนของสิงห์จำนวนของลานเบียร์จะอยู่ในปริมาณที่เท่าเดิมไม่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา และแม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจอาจจะดีขึ้น ด้วยเพราะการเมืองที่เริ่มนิ่ง แต่โอกาสในการทำตลาดหรือสร้างยอดขายก็มีเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น จึงอาจทำให้ตลอดทั้งปีอัตราการเติบโตของเบียร์สิงห์เติบโตเพียง 1%.