- Details
- Category: การตลาด
- Published: Saturday, 29 December 2018 19:47
- Hits: 6794
'สยามพิวรรธน์'กับ '10 ปรากฏการณ์ที่สุดแห่งปี 2561' ตอกย้ำผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยของไทยและของโลก
กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม ประกาศที่สุดของความสำเร็จแห่งปีจากการเดินหน้าปฏิวัติวงการค้าปลีกและวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย สร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกของไทยและของโลกอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัยของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติอย่างแท้จริง
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานส่งเสริมการตลาด บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า "กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ดำเนินธุรกิจภายใต้ความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้กรุงเทพมหานครและประเทศไทยกลายเป็นที่กล่าวขานและชื่นชมบนเวทีระดับโลก โดยตลอดทั้งปี 2561 ที่ผ่านมา ได้นำเสนอสิ่งซึ่งสร้างความตื่นเต้นและเป็น "ที่สุด" แห่งปรากฏการณ์ ‘ครั้งแรก’มากมายในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการส่งสยามดิสคัฟเวอรี่ – ดิ เอ็กซ์พลอราทอเรียม คว้ารางวัลชนะเลิศจากเวทีระดับโลกของแวดวงธุรกิจค้าปลีก การจับมือร่วมทุนกับพันธมิตรข้ามชาติอันดับหนึ่งของโลกอย่างไซม่อน เพื่อสร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตมาตรฐานสากลอย่างแท้จริงในประเทศไทย การเนรมิตอภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคตที่พลิกโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยไปอย่างสิ้นเชิง เป็นต้น ทั้งหมดนี้ ได้ช่วยนำชื่อเสียงและความภาคภูมิใจในระดับสากลมาสู่ประเทศและคนไทยทุกคน พร้อมทั้งประกาศให้นานาประเทศได้ประจักษ์ถึงศักยภาพและความสามารถของคนไทยที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าชาติใดในโลก"
ทั้งนี้ สิ่งซึ่งสร้างความตื่นเต้นและเป็น'ที่สุด'แห่งปรากฏการณ์ 'ครั้งแรก' ในปี 2561 ของกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้แก่
1. ที่สุดของรางวัลสูงสุด จากเวทีที่ทรงเกียรติที่สุดในวงการค้าปลีกระดับโลก – 'สยามดิสคัฟเวอรี่ – ดิ เอ็กซ์พลอราทอเรียม'
'สยามดิสคัฟเวอรี่ – ดิ เอ็กซ์พลอราทอเรียม' ไลฟ์สไตล์สเปเชี่ยลตี้สโตร์แห่งแรกของไทยซึ่งนำเสนอการค้าปลีกรูปแบบไฮบริดรีเทลครั้งแรก คว้ารางวัลสูงสุดด้านการออกแบบและพัฒนาโครงการคือรางวัลชนะเลิศ ไอซีเอสซี วีว่า อวอร์ด (ICSC's VIVA Awards celebrate VISION, INNOVATION, VALUE and ACHIEVEMENT) ซึ่งเป็นสมาคมศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุด เอาชนะอีกหลายร้อยโครงการจากนานาประเทศทั่วโลกที่มีชื่อเข้าชิงรางวัล ถือเป็นการโบกสะบัดธงชาติไทยบนเวทีระดับโลกอย่างสง่างามและภาคภูมิใจ นอกจากนั้น 'Ecotopia' ซึ่งนำเสนอสินค้าเพื่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับนิยามอีโค่ที่เป็นวิถีของคนทันสมัย (Eco is Fashionable) บนพื้นที่กว่า 900 ตารางเมตร ที่ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่ – ดิ เอ็กซ์พลอราทอเรียม ยังคว้า 2 รางวัลชนะเลิศสุดยอดไอเดีย ในด้านการตลาดและการสื่อสารที่นำสมัย GOLD – 2018 COMMUNICATOR AWARDS EXCELLENCE จากหมวด Branded Content-Green / Eco-Friendly for Online Video และ Craft Categories-Use of Animation for Outdoor / Environmental
2. ที่สุดของการจับมือร่วมทุนกับยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของโลก เพื่อสร้าง 'ลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ต'
เป็นข่าวสะเทือนวงการค้าปลีกประเทศไทย เมื่อกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ ไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับหนึ่งของโลก และเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำของโลกในการสร้างโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางด้านช้อปปิ้ง กินดื่ม บันเทิง และมิกซ์ยูส รายใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จที่สุดของโลก เพื่อร่วมกันสร้างลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตมาตรฐานสากลอย่างแท้จริงในประเทศไทยรวม 3 แห่ง ด้วยเงินลงทุนมหาศาล 10,000 ล้านบาท ในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งล้วนเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยโครงการลักชัวรี่พรีเมี่ยมเอาท์เล็ตแห่งแรกซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 150 ไร่ ในกรุงเทพมหานคร และจะประกอบไปด้วยร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ที่มาพร้อมกับส่วนลด 25-70% ทุกวัน ทั้งยังผสมผสานพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ การนัดสังสรรค์และกินดื่ม รวมทั้งกิจกรรมเพื่อสาระและความบันเทิงต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562
3. ที่สุดของการเขย่าวงการค้าปลีกผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม – '@Cosme'
กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ได้สร้างความตื่นเต้นอีกครั้งด้วยการประกาศจับมือร่วมทุนกับเบอร์หนึ่งด้านค้าปลีกผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม จากประเทศญี่ปุ่น คือ 'ไอสไตล์ อิงก์' บริษัทค้าปลีกและเจ้าของเว็บไซต์ @cosme สื่อออนไลน์ที่ให้บริการรีวิวและจัดอันดับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเจ้าของเครือข่ายร้านสเปเชียลตี้สโตร์เครื่องสำอางที่ชื่อว่า '@cosme store' ทั้งนี้ @cosme ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากในประเทศญี่ปุ่น สร้างกระแสเขย่าวงการดูแลความงามมาตั้งแต่ก่อตั้ง โดยในจำนวนผู้หญิงญี่ปุ่นที่มีอายุ 20 – 30 ปี ในทุกๆ 3 คน จะมี 2 คน ที่ใช้บริการเว็บไซต์นี้ในการหาคำแนะนำด้านความงาม ซึ่ง '@cosme store' ได้ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของเว็บไซต์ @cosme สร้างเป็นจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์
การร่วมทุนกับกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนในชื่อ บริษัท ไอสไตล์ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอคอนเซ็ปต์ค้าปลีกของ @cosme ซึ่งเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคผ่านช่องทางออนไลน์ และส่งต่อสู่การขายสินค้าไปยังหน้าร้าน เป็นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้แก่คนไทย ทั้งยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามใหม่ๆ คุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากที่ยังไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อน ได้เข้าสู่ตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย โดย '@cosme store' สาขาแรกในประเทศไทยได้เปิดให้บริการแล้วที่ไอคอนสยาม และมีแผนที่จะเปิดให้ครบ 5 สาขา ภายใน 3 ปี
4. ที่สุดของโครงการซึ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย – 'ไอคอนสยาม'
กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ เป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ 'ไอคอนสยาม' อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 54,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยอาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค 2 อาคาร คอนโดมิเนียมหรูสุดสง่างาม 2 อาคาร และ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของไอคอนสยาม โดยได้เปิดประตูเมืองไอคอนสยามต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนจากทั่วโลกอย่างยิ่งใหญ่ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตอกย้ำการเป็น 'เดสติเนชั่น' หรือจุดหมายปลายทางที่ซึ่ง "สิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก"
ไอคอนสยามได้ถูกรังสรรค์ขึ้นจากปณิธานที่จะเชิดชูเรื่องราวอันมีคุณค่าและเป็นความภาคภูมิใจจากทุกมิติของความเป็นไทยที่มีอยู่ในชาติ นำเสนอในรูปแบบของความวิจิตรล้ำสมัย หลอมรวมเป็นที่สุดของเอกลักษณ์และวิถีไทยอันสง่างาม พร้อมกับคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดของโลก มารวบรวมไว้ ณ ที่แห่งเดียวกัน เป็นเมืองแห่งความรุ่งโรจน์ที่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกเข้าไว้ด้วยกัน นำเสนอความเป็นไทยสู่เวทีโลก โดยไอคอนสยามได้พลิกโฉมการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ด้วยคอนเซ็ปต์ 'การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย' หรือ Creating Shared Value และ 'การร่วมกันรังสรรค์' หรือ Co-Creation ซึ่งเราได้ทำให้เกิดขึ้นจริงแล้วอย่างเป็นรูปธรรม เต็มรูปแบบ และในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่ใดในโลก
ไอคอนสยาม พัฒนาโดยกลุ่มธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศไทย 3 กลุ่ม คือ สยามพิวรรธน์, แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) และเครือเจริญโภคภัณฑ์
5. ที่สุดของการ 'Co-Creation' หรือ การร่วมกันรังสรรค์ ที่ยิ่งใหญ่ระดับชาติ
ไอคอนสยาม ได้พลิกโฉมการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ ด้วยคอนเซ็ปต์ 'Creating Shared Value' หรือการสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย และ 'Co-Creation' หรือการร่วมกันรังสรรค์ อย่างเป็นรูปธรรม เต็มรูปแบบ ซึ่งเกิดขึ้นจริงแล้วในสเกลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก ด้วยการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ระดับชาติครั้งยิ่งใหญ่ จากหัวใจคนไทยหลายภาคส่วนผู้มีความรู้ความสามารถจากชุมชนทั่วประเทศ ภาคธุรกิจ ภาคราชการ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ จากหลายประเทศที่รักเมืองไทย รวมแล้วเป็นทีมผู้ร่วมสร้างสรรค์กว่า 1,000 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความปรารถนาที่จะช่วยกันสร้างสัญลักษณ์ใหม่ให้เป็นตัวแทนจินตนาการแห่งยุค ที่จะช่วยแผ่กระจายความรุ่งเรืองไปทั่วทั้งในระดับชุมชน สังคม และประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายเพื่อเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
6. ที่สุดของมหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองที่สะกดทุกสายตาโลก – 'มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม'
ไอคอนสยาม ทุ่มงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท รังสรรค์ 'มหาปรากฏการณ์งานเปิดเมืองไอคอนสยาม' ขึ้นเมื่อวันที่ 9-11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยการผนึกกำลังครั้งสำคัญและครั้งแรก โดยบริษัทอีเว้นท์ออแกไนเซอร์สุดยอดที่สุดของประเทศไทย 6 บริษัท และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้แก่ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน), ซีเอ็มโอ กรุ๊ป, บริษัท แม็กซ์ อิมเมจ จำกัด, บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด, บริษัท ตือ จำกัด, บริษัท เอ็มคิวดีซี ไบรท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ อินเทล บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของโลก ได้จับมือร่วมกันสร้างสรรค์งานเปิดเมืองไอคอนสยามที่ยิ่งใหญ่อลังการ และเป็นที่กล่าวขานถึงไปทั่วโลก ตอกย้ำเรื่องสิ่งที่ดีที่สุดของไทยบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลกได้เป็นอย่างดี มีการรวมพลังของศิลปินต่างชาติชื่อก้องโลก ศิลปินระดับชาติจากหลากหลายสาขา นักแสดงมืออาชีพ และนักแสดงอาสาจากทั่วประเทศ โดยมาพร้อมกับไฮไลท์สุดตื่นตาของการสร้างสรรค์ภาพสุดอลังการบนฟากฟ้าด้วยขบวนโดรนจำนวนกว่า 1,500 ลำ ถือเป็นการแสดงโดรนแปรอักษรครั้งแรกในประเทศไทย และเป็นจำนวนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแปรขบวนและส่องแสงปรากฏเป็นภาพที่แสดงถึงเอกลักษณ์แห่งสยามประเทศ ทั้งธงชาติไทย และแผนที่ประเทศไทย สร้างความประทับใจให้กับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้าร่วมงานกว่าแสนคน เป็นการฉลองการเปิดตำนานบทใหม่อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา แสดงศักยภาพของคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในระดับนานาชาติ พร้อมทั้งสะกดทุกสายตาทั่วโลกให้หันกลับมามองประเทศไทยด้วยความชื่นชม
7. ที่สุดของเมืองมหัศจรรย์รูปแบบใหม่ สืบสานและส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นไทย – 'สุขสยาม'
ไอคอนสยาม ได้จัดสรรพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 10 ไร่ บนชั้น G เนรมิตเป็นเมืองมหัศจรรย์แห่งวิถีไทย ใช้ชื่อว่า 'สุขสยาม' รวบรวมผลิตภัณฑ์และผลงานสร้างสรรค์จากภูมิปัญญาไทย งานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตดั้งเดิมของแท้จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยมาไว้ในพื้นที่เดียวกัน ให้ความรู้สึกกลมกลืนเหมือนอยู่ในสถานที่จริง ร้านค้าใน 'สุขสยาม' เป็นร้านค้าท้องถิ่นมีอยู่จริงในหมู่บ้านหรือในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย จึงเป็นครั้งแรกที่กิจการค้าขายของครอบครัวที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ มีชื่อเสียงอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ หรือเป็นร้านค้าที่มีเรื่องราวพิเศษ เป็นรากที่หยั่งลึกแข็งแรงของชุมชนท้องถิ่น ได้มีเวทีสำหรับนำเสนอคุณค่าของภูมิปัญญาและคุณภาพของสินค้าอันน่าภาคภูมิใจ ให้เป็นที่รู้จักในระดับประเทศและระดับโลก
'สุขสยาม' เป็นหนึ่งในพันธสัญญาและความมุ่งมั่นตั้งใจของไอคอนสยามที่จะรวบรวมทุกสิ่งดีงามจากทั่วประเทศไทยนำเสนอสู่สายตาชาวโลก อีกทั้งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยได้ภูมิใจในศักยภาพและพลังของความเป็นไทย ร่วมสืบสานมรดกทางภูมิปัญญา และชีวิตวิถีไทยให้คงอยู่และส่งต่อคนรุ่นหลัง ส่งเสริมให้ผู้ผลิตจากท้องถิ่นต่างๆ มีความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเองและมีแรงบันดาลใจที่จะรักษาสืบทอดอาชีพดั้งเดิมของบรรพบุรุษให้คงอยู่อย่างยั่งยืน โดย 'สุขสยาม' จะทำหน้าที่เป็นเวทีในการนำเสนอสุดยอดผลิตภัณฑ์ไทย แสดงผลงานอันน่าภาคภูมิใจให้เป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการดำเนินธุรกิจในกลไกของระบบนิเวศทางการค้า (commercial ecosystem) ที่มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืน
8. ที่สุด World Class Destination ของศูนย์การค้าและบริษัทในเครือ
สยามพารากอน ครองความเป็นศูนย์กลางแห่งการช้อปปิ้ง การท่องเที่ยวระดับโลก และในฐานะแบรนด์ที่แข็งแกร่ง คว้ารางวัล Brand of the Year 4 ปีซ้อนจากเวที Brand of the Year Awards by World Branding Forum โดยเป็นศูนย์การค้าเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ในขณะที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ก็ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำสถานที่จัดงานระดับโลก คว้ารางวัลอันทรงเกียรติ จากเวที Asia Pacific Entrepreneurship Award 2018 รางวัลในระดับองค์กร ในสาขา Corporate Excellence ซึ่งเป็นรางวัลระดับภูมิภาคเอเชียที่มอบให้กับองค์กรที่ประสบความสำเร็จในการเป็นผู้นำทางธุรกิจ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการดำเนินนโยบายการบริหารงานอย่างยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม
9. ที่สุดของผู้บริหารหญิง แห่งวงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีก – 'ชฎาทิพ จูตระกูล'
ภายใต้การนำของผู้บริหารหญิงคนเก่ง ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในระดับประเทศและระดับโลก นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้เต็มไปด้วยวิสัยทัศน์และความสามารถในการนำพาองค์กรเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งในฐานะผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย ทำให้กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ สร้างปรากฏการณ์และนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้แก่วงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ นางชฎาทิพ จูตระกูล ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ และได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายในงานประชุมสัมมนาสำคัญต่างๆ อยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับเลือกให้รับรางวัลทรงเกียรติมากมาย ได้แก่ Outstanding Leader in Asia จากเวที Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards 2018 (ACES) ในฐานะผู้บริหารองค์กรที่มีบทบาทอันโดดเด่นในการบริหารองค์กรให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน และในฐานะ 1 ใน 500 ผู้ทรงอิทธิพลของวงการแฟชั่นติดต่อกันเป็นปีที่ 2 จากการจัดอันดับรายชื่อ 'BoF 500' ประจำปี 2561 ของเว็บไซต์ Business of Fashion
10. ที่สุดของบริษัทที่ครองใจคนรุ่นใหม่
ปิดท้ายความน่าภาคภูมิใจของ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ในฐานะบริษัทที่ครองใจคนรุ่นใหม่ในการเข้าร่วมทำงานมากที่สุด โดย Work Venture ผู้ให้บริการ website สมัครงานและรีวิวบริษัทชั้นนำ ได้รีวิวผลสำรวจ 50 อันดับ และกลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ได้รับการจัดอันดับที่ 16 ท่ามกลางบริษัทชั้นนำจากภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่างๆ
Click Donate Support Web