- Details
- Category: การตลาด
- Published: Friday, 19 September 2014 22:28
- Hits: 2615
'อัสสัมชัญไรซ์' รุกตลาดข้าวในประเทศ ข้าวไท ของเรา ผนึกอัสสัมชัญฯ สร้างแบรนด์ไทย
บ้านเมือง : ข้าวไทของเรางัด Sport Marketing ผนึกสโมสรอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด เปิดตัว 'อัสสัมชัญไรซ์'รุกตลาดข้าวพรีเมียมในประเทศ เชื่อสิ้นปีดันยอดขายโตอย่างน้อย 10% รับกำลังบริโภคข้าวพรีเมียมเกรดพุ่งหลัง Gen x-y รู้จักเข้าใจข้าวคุณภาพไฮด์เอ็นด์
นายวรพล ดาราพงศ์สถาพร ประธานกรรมการ บริษัท รอยัลริชชี่ไรซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ข้าวพรีเมียมเกรดแบรนด์'ข้าวไท...ของเรา'เปิดเผยว่า ในกรอบข้อตกลงระหว่าง ข้าวไท ของเรา และสโมสรอัสสัมชัญยูไนเต็ดนั้นนอกจากเงินสนับสนุนมูลค่า 2 ล้านบาท เพื่อช่วยพัฒนาและยกระดับการแข่งขันของนักฟุตบอลแล้ว ส่วนหนึ่งของการสนับสนุนคือการเปิดตัว ข้าวถุงในแบรนด์'ข้าวอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด'เพื่อจัดจำหน่ายภายในโรงเรียนในเครือของมูลนิธิเซนต์คาเบรียลทั้งหมด 17 โรงเรียน ซึ่งจะการแบ่งสัดส่วนรายได้จากการจัดจำหน่ายส่วนหนึ่ง ช่วยสนับสนุนสโมสรฟุตบอลและโรงเรียนตลอดระยะเวลา 5 ปี
สอดคล้องกับกลยุทธ์การตลาดของข้าวไท ของเรา ที่ต้องการขยายตลาดข้าวในประเทศมากขึ้นโดยการใช้กลยุทธ์ Sport Marketing มุ่งไปที่กลุ่มข้าวบรรจุถุงพรีเมียมเกรดที่บริษัท รอยัลริชชี่ไรซ์ฯ ได้เตรียมงบราว 20% ของงบประมาณการตลาดรวม สำหรับผลิตและจัดจำหน่าย'ข้าวอัสสัมชัญยูไนเต็ด'ตั้งเป้าจัดจำหน่าย 300,000 ถุงต่อปี หรือคิดเป็น 10% ของตลาดในประเทศ โดยมีผลิตภัณฑ์ 2 ชนิดคือ ข้าวอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ถุงสีแดง เป็นข้าวหอมมะลิใหม่ 100% ขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 239 บาท และข้าวอัสสัมชัญ ยูไนเต็ด ถุงสีน้ำเงิน เป็นข้าวหอมมะลิ 100% เก่า ขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 219 บาท
สำหรับ กลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดในประเทศนั้น ข้าวไท ของเรามุ่งไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเข้าใจและเข้าถึงการบริโภคข้าวบรรจุถุงระดับพรีเมียมได้ง่าย เพราะคนรุ่น Gen x และ Gen y เป็นกลุ่มที่เขาถามและตอบตัวเองได้ว่าจะเลือกสิ่งไหน หรืออะไรเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของเขาได้ ข้าวหอมมะลิ 100% หรือข้าวกล้องเพื่อสุขภาพ หรือ ข้าวออแกนิคส์ เหล่านี้เป็นข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้ใน Social Media กลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่สามารถเลือกได้ และผมเห็นแนวโน้มทิศทางของการยกระดับคุณภาพสินค้าข้าวในประเทศอย่างชัดเจน จากขนาดบรรจุที่เริ่มต้นที่ 500 กรัม หรือ 1 กิโลกรัม สะท้อนความต้องการผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หรือเพิ่มเซกเมนต์ของข้าวมากขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิแท้ 100% ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกล้องแดง หรือแม้แต่ข้าวพื้นเมืองหายากบางสายพันธุ์ แต่ถ้ามันดี หรือเข้าได้กับไลฟ์สไตล์เขา คนกลุ่มนี้ไม่คิดมากถ้าต้องจ่ายเพิ่มหากได้ของดีมีคุณภาพ เช่น เขารู้สึกถึงความแตกต่างว่าหอมมะลิ 100% ถุงนี้หอมแตกต่างจากที่เขาเคยหุงทานมา
โดย'ข้าวไท ของเรา'มี 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักคือกลุ่มข้าวหอมมะลิ, กลุ่มข้าวขาว, กลุ่มข้าวสุขภาพ และกลุ่มสินค้า Souvenir มุ่งเน้นกลุ่มพรีเมียมเกรดคือคัดสรรพิเศษสำหรับข้าวหอมมะลิ 100%, ข้าวไรซ์เบอรี่, ข้าวกล้องแดง มีจัดจำหน่ายในไฮเปอร์มาร์เก็ต แม็กซ์แวลู, ท็อปมาร์เก็ต และวิลล่ามาร์เก็ต เป็นหลักด้วยกลุ่มผู้ซื้อมีความเข้าใจและมั่นใจต่อผลิตภัณฑ์ โดยตั้งเป้าจะสามารถขยายเข้าสู่โมเดิร์นเทรด ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ในขณะที่ทิศทางการแข่งขันการส่งออกข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มมีสัญญาณบวกหลังจากรัฐบาลมีความชัดเจนในการตรวจสอบปริมาณข้าวและคุณภาพข้าว โดยมีชุดตรวจมืออาชีพเพื่อคัดแยกข้าวเสื่อมคุณภาพและบริหารจัดการข้าวค้างสต็อกอย่างมีระบบ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดผู้นำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกข้าวของไทย เมื่อ เดือน มิ.ย.57 อยู่ที่ 4.26 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 61.69 % ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในขณะที่อินเดียอยู่ที่ 3.93 ล้านตัน เหตุจากภัยแล้งภายในของอินเดียซึ่งส่งผลบวกกับการส่งออกข้าวไทย โดยตัวเลขคาดการณ์การส่งออกข้าวในปีนี้ของไทยจะอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านตัน สูงขึ้นจากการค่าการประมาณการเดิมที่ 7.5 ล้านตัน ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งอีกครั้ง
ความต้องการในตลาดโลกวันนี้ก็เปลี่ยนไปเป็นผลมาจากอุปทานที่มากเกินกว่าการบริโภค ทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกสินค้าที่มีคุณภาพได้ในราคาไม่แพง เช่น กลุ่มคนที่เคยทานข้าวขาว ก็อยากมีประสบการณ์อยากทานข้าวหอมมะลิ 100% จะเห็นได้จากการปรับตัวของผู้ส่งออกรายหลักอย่าง อินเดีย เวียดนาม หรือแม้แต่ผู้ส่งออกรายใหม่อย่างกัมพูชา ต่างหันมาพัฒนาข้าวในตลาดคุณภาพมากขึ้น คือในกลุ่มของข้าวหอมมะลิ 100% และข้าวบาสมาติ เพราะราคามีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง
ในขณะที่ข้าวในกลุ่มข้าว 5% และ 25% มีความผันผวนด้านราคาและการแข่งขันสูงทำให้ประเทศผู้ส่งออกหลายรายเริ่มหันมาให้ความสำคัญและเริ่มทบทวนระบบการผลิตแบบ Mass Product ซึ่งปัจจัยบวกนี้ หมายรวมถึงการไม่เข้าแทรกแซงราคาของรัฐบาลเพื่อปล่อยให้กลไกตลาดทำงานอย่างเต็มที่ รัฐมีความชัดเจนในการบริหารจัดการข้าวค้างสต็อคเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประเทศผู้นำเข้า และรัฐสามารถบริหารจัดการข้าวฤดูกาลผลิตใหม่ที่จะออกสู่ตลาดในระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อีกราว 20-30 ล้านตัน ตรงนี้จะเป็นปัจจัยเสริมให้การส่งออกข้าวของไทยกลับมาดีอีกครั้งหนึ่ง