- Details
- Category: การตลาด
- Published: Tuesday, 20 March 2018 19:08
- Hits: 2700
กลุ่มสิงค์เทล ผนึก เอไอเอสและบริษัทในกลุ่ม เตรียมเปิดบริการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิคส์บนมือถือข้ามพรมแดนเป็นรายแรก
กลุ่มสิงค์เทลประกาศแผนที่จะเชื่อมกระเป๋าเงินบนมือถือจากบริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มเข้าด้วยกัน ผ่านแพลตฟอร์มกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าใช้จ่ายผ่านบริการของค่ายตัวเองได้แม้อยู่ต่างประเทศ เบื้องต้นเริ่มจากการเชื่อมโยงบริการกระเป๋าเงินสดของสิงค์เทลเข้ากับพันธมิตรในภูมิภาค โดยเตรียมเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ระหว่างสิงค์เทลและเอไอเอสเป็นรายแรก โดยนับเป็นครั้งแรกที่บริการกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิคส์บนมือถือจากผู้ให้บริการในแต่ละประเทศ จะสามารถนำมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการตามร้านค้าที่เป็นพันธมิตรของค่ายมือถือในกลุ่มสิงค์เทลทั่วเอเชียได้อย่างสะดวกสบายเหมือนใช้จ่ายในประเทศตัวเอง
การริเริ่มใช้กระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิคส์บนมือถือของแต่ละค่ายแบบข้ามพรมแดนนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสิงค์เทลและพันธมิตรในภูมิภาคที่ต้องการเสริมประสบการณ์การชำระเงินผ่านมือถือให้กับลูกค้าของพันธมิตรทุกราย ซึ่งจะส่งผลดีกับฐานลูกค้ากว่า 590 ล้านคนของกลุ่มสิงค์เทลที่เดินทางท่องเที่ยวในทวีปเอเชีย ให้สามารถจับจ่ายใช้สอยด้วยระบบชำระเงินที่คุ้นเคยผ่านมือถือที่สะดวก ปลอดภัย
นายอาเธอร์ แลงก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสิงค์เทลอินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ภาพรวมของการชำระเงินผ่านมือถือในเอเชียปัจจุบันมีความหลากหลายอย่างยิ่ง นี่อาจเป็นความท้าทายหนึ่งในการที่จะให้ลูกค้ายอมรับการชำระเงินผ่านมือถือ ดังนั้นในฐานะที่กลุ่มสิงค์เทลมีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงมุ่งหวังที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบชำระเงินที่เชื่อมกันข้ามพรมแดน โดยเริ่มต้นระหว่างพันธมิตรในกลุ่มที่มีเป้าประสงค์เดียวกัน คือต้องการจะลดอุปสรรคพร้อมเพิ่มศักยภาพให้กับระบบการชำระเงินผ่านมือถือในภูมิภาค ด้วยการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless)ให้ลูกค้าสามารถใช้บริการหรือแอปชำระเงินของค่ายตัวเองได้แม้ระหว่างเดินทางต่างประเทศ รวมถึงช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้าหลายร้อยล้านคนได้อย่างง่ายดายผ่านระบบชำระเงินดิจิทัล”
ปี 2560 พบว่า มีตัวเลขนักท่องเที่ยวกว่า 80 ล้านคนเดินทางไปยังประเทศในเอเชียที่กลุ่มสิงค์เทลให้บริการ1 โดยยังมีร้านค้ารายย่อยอีกจำนวนมากที่รับเฉพาะเงินสด ดังนั้นจากการที่ภูมิภาคนี้มีการเข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระดับสูง การชำระเงินผ่านมือถือจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับนักเดินทางที่ไม่ต้องการจะถือเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก
นายแลงก์ เสริมอีกว่า “ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มสิงค์เทลมีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้นการที่ลูกค้าในกลุ่มของเราเดินทางในภูมิภาคเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราเชื่อว่าการพัฒนาให้ลูกค้าสามารถใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิคส์บนมือถือของค่ายตัวเองได้ในต่างประเทศ จะแสดงให้เห็นถึงการผสานจุดแข็งและความร่วมมือของกลุ่มสิงค์เทลในเอเชียได้อย่างชัดเจน”
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากทางการไทยและสิงคโปร์ คาดว่าการให้บริการของสิงค์เทล และเอไอเอส น่าจะเริ่มได้ประมาณกลางปี 2561 ซึ่งจะทำให้ผู้เดินทางกว่า 1.5 ล้านคนที่เดินทางระหว่างไทยและสิงคโปร์ในแต่ละปี2 สามารถใช้บริการ Singtel Dash และ แอป my AIS กับร้านค้ากว่า 20,000 แห่งทั้งในไทยและสิงคโปร์ได้อย่างสะดวกสบาย
นายควน มูน ยูเอ็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าของสิงค์เทล กล่าวว่า “การเชื่อมโยงกระเป๋าเงินบนมือถือของผู้ให้บริการในกลุ่มนับเป็นการยกระดับการชำระเงินผ่านมือถือของบริการ Singtel Dash ขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการเพิ่มช่องทางการชำระค่าสินค้าและบริการ การที่กระเป๋าเงินบนมือถือเชื่อมต่อกัน ทำให้ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากเมื่อเดินทางต่างประเทศ เราหวังว่าเมื่อเปิดใช้บริการจะทำให้ลูกค้าของสิงค์เทลสามารถเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอยด้วย Singtel Dash เมื่อเดินทางมาประเทศไทย”
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า “เราตื่นเต้นมากกับการเปิดตัวระบบการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิคส์บนมือถือข้ามพรมแดนในครั้งนี้ เพราะการเชื่อมโยงระหว่างกัน จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าของเอไอเอสในการจับจ่ายใช้สอยด้วยแอป my AIS ที่ใช้ระบบชำระเงินของ Rabbit LINE Pay เมื่อเดินทางไปสิงคโปร์”
การเชื่อมโยงกระเป๋าเงินบนมือถือครั้งนี้จะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็คทรอนิคส์บนมือถือที่เคยใช้ในประเทศของตนเอง เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการในต่างแดนได้ทันที ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บริการ Dash ของสิงค์เทลเมื่อเดินทางมายังประเทศไทย ก็เพียงแค่เปิดแอป Dash เพื่อสร้าง QR Code แล้วให้ร้านค้าที่รับชำระผ่าน mPAY สแกน ผู้ใช้บริการจะเห็นจำนวนเงินที่จะทำธุรกรรมทั้งในสกุลเงินบาทและดอลลาร์สิงคโปร์ก่อนการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยให้นักเดินทางไม่ต้องวุ่นวายกับการพกพาเงินสด รวมถึงเผชิญกับปัญหาส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน
กลุ่มสิงค์เทลมีแผนที่จะขยายการให้บริการดังกล่าวไปยังผู้ให้บริการพันธมิตรในภูมิภาคเช่น AirTel อินเดีย, Globe ฟิลิปปินส์ และ Telkomsel อินโดนีเซีย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ
ปัจจุบันกลุ่มสิงค์เทล มีระบบ Open Platform ที่เป็นระบบชำระเงินระหว่างกันของพันธมิตรในกลุ่ม ที่ทำให้ลูกค้ามือถือของกลุ่ม สามารถที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ได้ด้วยการเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการมือถือของตนหรือตัดจากกระเป๋าเงินบนมือถือได้ทันที และยิ่งมีการเปิดตัวการใช้บริการกระเป๋าเงินข้ามพรมแดนได้ จะยิ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถจับจ่ายใช้สอยแบบไร้เงินสดกับร้านค้าต่างๆ ได้อย่างสะดวกยามเดินทาง
1,2 ข้อมูลจากหน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง
Singtel Group first to interconnect telco mobile wallets for seamless cross-border payments
Commercial launch in Singapore and Thailand in mid-2018
Thailand, 20 March 2018 – The Singtel Group today announced plans to interconnect mobile wallets across different ecosystems through an interoperable platform. As a start, the Group plans to first link the mobile wallets of Singtel and its regional associates, with the first commercial launch between Singtel and AIS. This will be the first time that different mobile wallets across different markets are connected to offer seamless cross-border payments at physical merchants.
The initiative to expand the Group’s mobile wallet services underscores the continued commitment of Singtel and its regional associates to enhance the mobile payments experience for customers. This will enable the Group's more than 590 million mobile customers to securely and conveniently pay with their mobile wallets when they travel in Asia. Other mobile payment apps can, in future, plug into the platform and gain ready access to the Group’s merchant and customer bases across the region.
Mr Arthur Lang, CEO of Singtel’s International Group said, "The mobile payments scene in Asia today is fragmented with many different systems and this poses a challenge to the adoption of mobile payments. As a Group, we believe we can bring about change through our cross-border interoperable platform and collaboration with like-minded partners. Our vision is to unlock the growth potential of mobile payments in the region by providing customers with a convenient, seamless experience, and helping small merchants widen their reach to millions of consumers."
In 2017, there were more than 80 million tourist arrivals[1] into Singtel Group's markets in Asia. As many small merchants are still unbanked in this region but smartphone penetration is high, mobile payments provide a simple and secure alternative to travellers who might not want the hassle of carrying large amounts of foreign currency with them.
“With our customers' digital lifestyles and the growth in intra-region travel, it is a natural progression for us to take our local mobile wallets regional first, by leveraging the strengths and reach of the Singtel Group in Asia,” Mr Lang added.
The commercial launch of the service is planned for mid-2018 between Singapore and Thailand where Singtel and AIS have obtained regulatory clearance. This will enable over 1.5 million visitors travelling between Singapore and Thailand each year to use Singtel Dash and my AIS apps at a total of more than 20,000 retail merchant acceptance points in Singapore and Thailand.
Mr Yuen Kuan Moon, CEO of Consumer Singapore, Singtel, said, "Interconnectivity of our Group's mobile wallets elevates mobile payments on Singtel Dash to a whole new level, as it adds to the ubiquity of mobile payments. With the convenience of connected wallets, Singtel Dash customers will no longer have to carry so much cash when abroad. We look forward to the launch when our well-travelled customers can enjoy shopping and dining with Singtel Dash when they travel to Thailand."
Mr Somchai Lertsutiwong, CEO of AIS, said, “We are excited about launching this cross-border payment capability through AIS. The interconnectivity enhances AIS, offering our customers greater convenience and ease in transacting with their Rabbit Line Pay wallet within my AIS app when they travel to Singapore.”
Mobile wallet interconnectivity means that travellers can continue to use their existing home wallet app to make payments when overseas. For example, Singtel Dash users travelling to Thailand need only open the Singtel Dash app to generate a QR code at any participating AIS mPAY merchant to scan. Consumers will see the transaction amount in both foreign and home currencies before payment. This will help travellers avoid the hassle of physically carrying cash and the uncertainty of foreign exchange costs.
The Group plans to progressively expand this service from the second half of 2018 to other regional associates, which include Airtel, Globe and Telkomsel, taking into consideration the respective country’s regulations.
Mr Ririek Adriansyah, CEO of Telkomsel, said, “Cross-border mobile wallet interoperability is crucial to the digital economy and will further support our government in promoting financial inclusion for the Indonesian people. Today’s announcement is a significant step in the right direction. Once we obtain regulatory clearance, we can provide TCASH customers greater convenience whether they are transacting locally or overseas, and give our local merchants new income opportunities from regional travellers.”
Singtel’s Open Platform, a group-wide payment gateway, already enables the Group’s mobile customers to make purchases online using direct carrier billing or their respective telco mobile wallets. The introduction of mobile wallet interconnectivity allows mobile customers to enjoy cashless payments at brick-and-mortar retailers when overseas.