- Details
- Category: Logistics
- Published: Saturday, 07 March 2015 15:22
- Hits: 4374
เอสซีจี โลจิสติกส์ ชูกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ลูกค้า พร้อมพัฒนาบริการรองรับ SMEs มุ่งสู่ผู้นำด้านโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน
เอสซีจี โลจิสติกส์ ผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า และพัฒนาบริการเพื่อรองรับ SMEs เน้นระบบการบริหารจัดการทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร มุ่งมั่นให้บริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลักดันธุรกิจเติบโตอีก 12% ตั้งเป้ายอดขาย 17,300 ล้านบาทภายในสิ้นปี
นายสยามรัฐ สุทธานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ในเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า สถานการณ์ธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบันยังคงมีการแข่งขันสูง และตลาดต่างจังหวัดมีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศและส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้ต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เอสซีจี โลจิสติกส์ จึงวางกลยุทธ์โดยให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ประกอบด้วย กลยุทธ์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า โดยเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของธุรกิจทั้งห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มระดับการบริการ การสร้างต้นทุนที่แข่งขันได้ โดยเน้นการบริหารสินค้าขาไปและขากลับ (Headhaul-Backhaul Management) และการขนส่งโดยใช้พาหนะหลายรูปแบบ (Multimodal) นอกจากนี้ ยังขยายเครือข่ายการกระจายสินค้า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจลูกค้าทั้งในประเทศและขยายไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเครือข่ายการขนส่งข้ามประเทศ (Cross Border Transportation) โดยเน้นพัฒนาด่านที่สำคัญ 3 ด่าน ได้แก่ อรัญประเทศ แม่สอด และมุกดาหาร การสร้างฐานและขยายเครือข่ายการขนส่งในกลุ่มประเทศ GMS และอินโดนีเซีย และการศึกษาการจัดตั้งบริษัทโลจิสติกส์ในประเทศพม่าและอินโดนีเซีย
เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังมุ่งเน้นกลยุทธ์การพัฒนาบริการเพื่อรองรับธุรกิจ SMEs โดยเปิดตัว “Nationwide One stop service” บริการกระจายสินค้าครบวงจร ทั้งการรับ-เก็บ-จ่ายสินค้า การบริหารสินค้าคงคลัง การจัดส่งถึงที่หมายทั่วประเทศภายในวันรุ่งขึ้น และสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งได้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เพื่อรองรับธุรกิจ SMEs ที่ต้องการกระจายสินค้าที่ไม่เต็มเที่ยว แต่สามารถกระจายไปยังทั่วประเทศได้ เช่น กลุ่มสินค้าเคหะภัณฑ์และตกแต่งบ้าน (Home Improvement) นอกจากนี้ ยังพัฒนาบริการให้สามารถส่งถึงทั่วประเทศได้ภายในวันรุ่งขึ้น เพื่อตอบสนองสินค้าที่ไม่สะดวกจัดเก็บที่ปลายทาง สินค้าที่ต้องการใช้งานอย่างเร่งด่วน และสินค้าที่มีอายุการเก็บสั้น (Short life products) เช่น กลุ่มอะไหล่ยนต์ (Autopart) โดยค่าขนส่งที่สูงขึ้นจะคุ้มค่าเนื่องจากได้ลดต้นทุนสินค้าคงคลัง (Inventory) และการไม่สูญเสียโอกาสทางการขาย ทั้งนี้ เอสซีจี โลจิสติกส์ ตั้งเป้าเพิ่มยอดรายได้ Nationwide One Stop Service จากลูกค้านอกเครือฯ 10 เท่า ภายใน 5 ปี
“เราลงทุนศูนย์กระจายสินค้า ทั้งในส่วนกลางและในภูมิภาค รวมถึงระบบบริหารที่ใช้ควบคุมตั้งแต่ ต้นทางถึงปลายทาง ตั้งแต่กระบวนการรับคำสั่งซื้อจนถึงการส่งมอบสินค้าและการชำระเงิน อาทิ ศูนย์กระจายสินค้าภาคกลาง วังน้อย ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่ ลงทุนระบบที่ทันสมัยด้วยเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท มีพื้นที่ให้บริการ 18,000 ตร.ม. เชื่อมต่อภูมิภาคต่างๆ ทั่วไทย ลงทุนระบบต่างๆ ประกอบด้วย AS-RS (Automated Storage and Retrieval System) ระบบจัดเก็บและหยิบสินค้าอัตโนมัติบนชั้นวางสูง 13 ชั้น จัดเก็บและหยิบสินค้าได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว เพิ่มความปลอดภัยให้กับสินค้า ชั้นวางสินค้าแบบ Selective Rack สูง 6 ชั้น พร้อมรถยกสินค้าแนวสูง และระบบจัดการคลังสินค้า SAP – EWM เวอร์ชั่นล่าสุดควบคุมการเก็บ/จ่ายสินค้าและจัดการทรัพยากรภายในคลัง” นายสยามรัฐ กล่าว
นอกจากนี้ ยังผลักดันกลยุทธ์การสร้างมาตรฐานและความยั่งยืนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยดำเนินโครงการถนนสร้างสุข ที่มุ่งมั่นลดอุบัติเหตุและสร้างถนนปลอดภัยให้กับสังคม โดยมีการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเส้นทางที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อประสานงานกับภาครัฐในการปรับปรุงให้ปลอดภัยต่อไป เริ่มต้นจากพื้นที่ที่เอสซีจีมีโรงงาน และมีรถขนส่งของเอสซีจี โลจิสติกส์วิ่งผ่านจำนวนมาก อีกทั้งยังยกระดับมาตรฐานธุรกิจโลจิสติกส์ โดยฝึกทักษะและสร้างจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัยให้กับพนักงานขับรถของบริษัทฯ ด้วยการจัดอบรมและกิจกรรมต่างๆ อาทิ สร้างศูนย์ฝึกอบรมทักษะการขับขี่ที่ม่วงน้อย พัฒนาความสามารถของพนักงานขับรถด้วยการอบรมจากครูฝึกมืออาชีพ กิจกรรมสุภาพบุรุษนักขับ แข่งขันทักษะการขับขี่ประจำปี เสริมสร้างพนักงานขับรถให้มีทักษะการขับขี่ที่ชำนาญและปลอดภัย
“เอสซีจี โลจิสติกส์ เชื่อมั่นว่าการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้ลูกค้า ตลอดจนส่งเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี โลจิสติกส์ ให้เติบโตขึ้นตามแผน โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 17,300 ล้านบาท ภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตที่เพิ่มขึ้น 12% ” นายสยามรัฐ กล่าวในตอนท้าย
เอสซีจี โลจิสติกส์ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง นำเสนอบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยมุ่งเน้นการเป็นคู่ค้าทางธุรกิจในระยาว เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
SCG Logistics showcases its strategy to boost competitiveness for customers and improve services for SMEs to become a sustainable leader in the logistics industry
SCG Logistics Management, a leading provider of logistics services and good distribution both in Thailand and internationally, has unveiled its strategy to increase competitiveness for its customers and improve its services to support SMEs. As part of the strategy, the company will focus on supply chain management, providing an integrated solution and offering high value services through state-of-the-art technology. The company aims the strategy will propel growth by 12 percent and result in a sale revenue of THB 17.3 billion by the end of this year.
Mr. Syamrath Suthanukul, Managing Director of SCG Logistics Management Company Limited, in SCG Cement-Building Materials, said that the logistics industry is currently highly competitive, with urbanization trend and the upcoming AEC, resulting in business owners’ demand for a faster and more extensive distribution and logistics system. The company, therefore, has mapped out strategies geared toward serving the customers’ needs. SCG Logistics’ strategy to increase competitiveness for customers focuses on optimizing the efficiency of the supply chain management in order to minimize costs and increase service levels, while headhaul – backhaul management and multimodal transport help to keep operating costs competitive. In addition, the strategy will see the expansion of the distribution network to support the growth of the customers’ businesses in Thailand and within the ASEAN region through developing cross border transportation at three strategic borders, namelyAranyaprathet, Mae Sot, and Mukdahan. Moreover, the company will also build and expand distribution networks in the Greater Mekong Subregion (GMS) countries and Indonesia, while also looking into the possibility of setting up logistics companies in Myanmar and Indonesia.
SCG Logistics is also focusing on a strategy to improve services to support SMEs. The company has launched the “Nationwide One Stop Service”, an integrated distribution solution covering receiving, storing and distributing goods, inventory management, next-day delivery, and an ability to track the status of the delivery at any time during its journey. The strategy is specifically geared toward supporting SMEs that require less than truck load shipping with a reach nationwide, such as hardware and home improvement products. Moreover, next-day delivery services have been developed specifically for goods that aren’t convenient to store at the destination, goods that are urgently required, such as auto parts. The higher delivery costs are justified by the decrease in inventory costs and opportunity costs. SCG Logistics is aiming to increase the revenue from the Nationwide One Stop Service from non-SCG group customers by 10 times within five years.
“We have invested in our central and regional distribution networks as well as an end-to-end management system that covers order processing through delivery and payment. Our new distribution center in Wangnoi, an investment of more than 500 million baht, has a total service area of 18,000 square meters and connects all the regions throughout Thailand. We have invested in various systems including the Automated Storage and Retrieval System on a 13-rack shelving, allowing for a highly accurate, fast and safe storage and retrieval of products. A 6-deck Selective Rack equipped with forklift trucks and the latest version of SAP Extended Warehouse Management are also part of our integrated solutions that help our customers store and dispatch goods, and manage their inventory more effectively,” said Mr. Syamrath.
In addition to the two strategies, SCG Logistics will also be pushing for lifting up logistics industry standards and sustainability in the logistics business through its “Road Safety” to reduce road accidents and create a safe environment for road users and the society as a whole. As part of the campaign, surveys were conducted of the most accident-prone streets in Thailand so that the information can then be passed on to relevant government authorities to improve road conditions, starting from communities in which SCG operates as well as where SCG Logistics trucks pass through. The company has also raised the bar for the logistics industry by instilling skills and a road-safety awareness among the company’s truck drivers through a variety of training sessions and activities, such as a SCG Skills Development Practice Learning Center at Muang Noi, Saraburi, with professional trainers to develop the truck drivers’ skills and The Smart Driver, an annual contest to improve driving skills and promote safe driving.
“I am confident that our three-prong strategy will not only increase the competitive edge for our customers, but also strengthen SCG Logistics’ business operation and set us on the path to achieve our target of reaching THB 17.3 billion in revenue by the end of the year, a 12 percent increase from 2014,” concluded Mr. Syamrath.
SCG Logistics continues to innovate and offer high value services through state-of-the-art technology, aiming to be a long-term business partner for its customers and to operate in a sustainable way.