- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Friday, 15 September 2017 19:55
- Hits: 18064
8 เดือนยื่นขอตั้งโรงงาน 3,342 แห่ง มูลค่าลงทุน 2.88 แสนล้าน ความต้องการแรงงานพุ่ง
แนวหน้า : นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าการขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายกิจการโรงงานในช่วง 8 เดือน (มกราคม-สิงหาคม 2560) มี 3,342 โรงงาน เพิ่มขึ้น 0.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีมูลค่าการลงทุนรวม 288,501 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายโรงงาน มากที่สุด 3 อันดับแรกคือ 1.อุตสาหกรรมอาหาร 479 โรงงาน เพิ่มขึ้น 5.04% มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 35,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ โลหะ 315 โรงงาน เพิ่มขึ้น 11.70% มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 17,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.53% 3.อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อโลหะ 266 โรงงาน เพิ่มขึ้น 3.10% มูลค่าการลงทุน 9,944 ล้านบาท ลดลง 34.67%
เงินลงทุนอุปกรณ์ขณะที่การขอใบอนุญาตประกอบกิจการ ร.ง.4 และการขยายกิจการในเดือนสิงหาคม 2560 มีทั้งสิ้น 455 โรงงาน ลดลง
สินทรัพย์อื่น 7.71% มูลค่าการลงทุนรวม 27,437 ล้านบาท ลดลง 32.31% แต่จำนวนแรงงานมียอดความต้องการเพิ่มถึง 16,918 คน เพิ่มขึ้น 23.06% เมื่อเทียบกับปี 2559 แบ่งเป็น 1.กลุ่ม จดประกอบกิจการ 382 โรงงาน แรงงาน 8,014 คน มูลค่าการลงทุนรวม 13,104 ล้านบาท และ 2.กลุ่ม ขยายกิจการ 73 โรงงาน แรงงาน 8,904 คน มูลค่าการลงทุน 14,332 ล้านบาท
จากข้อมูลสถิติคาดว่าไตรมาสสุดท้ายจะมีการขอใบอนุญาตฯเพิ่มต่อเนื่อง และความต้องการแรงงานที่เพิ่มขึ้นสะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้เป็นอย่างดี ปีนี้มีความต้องการแรงงานสูงถึง 139,903 คน เพิ่มขึ้น 14.39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กลุ่ม อุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูงเป็น 3 อันดับแรก คืออุตสาหกรรมอาหาร 40,109 คน อุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 15,337 คน และอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติก 10,884 คน
มึน!ยอดขอ'รง. 4'ส.ค.ลด 7% สวนทางตั้งบริษัทใหม่พุ่งหวังเวิลด์แบงก์อัพอันดับ
ไทยโพสต์ * กรอ.มึน ยอดขอ "รง.4" งวด ส.ค.60 ลดฮวบ 7.71% สวนทางความต้องการแรงงานเพิ่มต่อเนื่องเฉียด 1.7 หมื่นคน ด้านพาณิชย์กางตัวเลขบริษัทตั้งใหม่ ส.ค. 7,159 ราย สูงสุดรอบ 4 ปี มั่นใจทะลุเป้า 66,000 รายแน่ ลุ้นเวิลด์แบงก์เพิ่มอันดับทำธุรกิจง่ายขึ้น
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า การขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (รง.4) และการขยายกิจการในเดือน ส.ค.2560 มีทั้งสิ้น 455 โรงงาน ลดลง 7.71% มูลค่าการลงทุน 27,437 ล้านบาท ลดลง 32.31% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่จำนวนแรงงานมียอดความต้องการสูงถึง 16,918 คน เพิ่มขึ้น 23.06%
ทั้งนี้ แบ่งเป็นกลุ่มจดประ กอบกิจการ 382 โรงงาน แรง งานจำนวน 8,014 คน มูลค่าการลงทุน 13,104 ล้านบาท และกลุ่มขยายกิจการ 73 โรงงาน แรงงานจำนวน 8,904 คน มูลค่าการลงทุน 14,332 ล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาสสุด ท้ายจะมีการขอใบอนุญาตฯ เพิ่ม ขึ้น เนื่องจากความต้องการแรง งานที่เพิ่มขึ้น สามารถสะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความต้องการแรงงานสูง 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร 40,109 คน กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 15,337 คน และกลุ่มอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์พลาสติก 10,884 คน
สำหรับ ช่วง 8 เดือน การขอใบอนุญาตประกอบกิจการและขยายกิจการโรงงานมีจำ นวน 3,342 โรงงาน เพิ่มขึ้น 0.06% มูลค่าการลงทุน 288,501 ล้านบาท
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ในเดือน ส.ค.2560 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะ เบียนตั้งใหม่ 7,159 ราย เพิ่มขึ้น 15% เทียบเดือน ส.ค.2559 และเป็นการจดตั้งใหม่สูงสุดในรอบ 4 ปี มีทุนจดทะเบียนจัดตั้ง 4.73 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 145% ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ช่วง 8 เดือนปี 2560 (ม.ค.-ส.ค.) มี 49,080 ราย เพิ่มขึ้น 14% ทุนจดทะเบียน 2.32 แสนล้านบาท
"กรมคาดว่าการจดทะเบียน จัดตั้งธุรกิจใหม่ทั้งปี 2560 จะอยู่ที่ 66,000 ราย แต่จากการประเมินสถานการณ์และแนวโน้มการจดทะเบียนขณะนี้ที่มีการขยายตัวในระดับ 2 หลักมา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจาก ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น และประเมินว่าทั้งปีอาจจะได้ มากกว่า 66,000 ราย" น.ส. บรรจงจิตต์กล่าว
ส่วนการจดทะเบียนเลิกกิจการเดือน ส.ค.2560 มี 1,747 ราย เพิ่มขึ้น 0.5% ทุนจดทะเบียน 7,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ส่วนช่วง 8 เดือน มี 9,862 ราย ลดลง 1% ธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ค้าสลาก ภัตตาคารและร้านอาหาร และผลิตไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ในเดือน ต.ค. นี้ ธนาคารโลกจะประกาศผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business) ประจำปี 2561ซึ่งกรมมั่นใจว่าไทยจะได้รับการจัดอันดับดีขึ้น เพราะไทยได้ลดขั้นตอนในการจดทะเบียน และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจาก 25.5 วัน เหลือ 2.5 วัน และในปีนี้จะพัฒนาในด้านคุณภาพให้ดีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง.