- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Saturday, 09 August 2014 11:14
- Hits: 3024
จี้คสช.รื้อมาตรการ‘เซฟการ์ด’ สกัดผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน
แนวหน้า : จี้คสช.รื้อมาตรการ‘เซฟการ์ด’ สกัดผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน ผูกขาดขายแพงกว่าตลาดโลก
นายวรุณชัย ลีกาญจนกร เลขาธิการ สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่นตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปเหล็กแผ่นในประเทศ ที่มีสมาชิก 34 ราย กล่าวว่า ทางสมาคมฯมีความต้องการให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทบทวนมาตรการป้องการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศหรือ Safegard Measure เนื่องจากมาตรการดังกล่าว เปรียบเสมือนการเปิดโอกาสให้ ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนรายใหญ่ปรับราคาขายเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศสูงขึ้นกว่าตลาดโลก 34% โดยราคาในประเทศอยู่ที่ตันละ 700 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 520 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น และการแปรรูปผู้ประกอบการจะบวกต้นทุนไปอีกตันละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ส่วนต่างที่ผู้ประกอบการแปรรูปเหล็กแผ่นรับได้ต้องเป็นราคาสูงกว่าตลาดโลกไม่เกิน 5-10%
สำหรับ ผลของการผูกขาดราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน ส่งผลกระทบผู้ประกอบการ แปรรูปเหล็กแผ่นยอดขายลดลงแล้วประมาณร้อยละ 20-30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา แม้สมาคมฯ ยื่นจดหมายคัดค้านการใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อน ไปยังกระทรวงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 แต่ไม่เป็นผล ฉะนั้นหากสถานการณ์ยังคงต่อเนื่องในลักษณะนี้ต่อไป จะทำให้ผู้ใช้เหล็กแปรรูปในอุตสาหกรรมต่างๆ หันไปสั่งนำเข้าจากต่างประเทศแทน โดยเห็นได้จากเหล็กกลุ่มท่อเหล็ก มีการนำเข้าตลอดปีที่ผ่านมาถึง 25,000 ล้านบาท และครึ่งแรกปีนี้ นำเข้าแล้ว 17,000 ล้านบาท การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 68 ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย
ทั้งนี้ หากสถานการณ์ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศยังคงเป็นแบบนี้ต่อเนื่องไป ผู้ประกอบการแปรรูปเหล็กแผ่นในประเทศ อาจจำเป็นต้องปรับลดพนักงาน และอาจพร้อมใจปิดโรงงานและย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้บางรายย้ายโรงงานไปประเทศเพื่อนบ้านอาทิ ประเทศลาว กัมพูชา หรือเมียนมาร์ เป็นต้น รวมทั้งหากมีการย้ายฐานการลงทุนของกลุ่มเหล็กแปรรูปไปต่างประเทศจะกระทบเป็นลูกโซ่ไม่ใช่แค่ในระดับแรงงานหรือพนักงานในอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ความเสียหายจะไปถึงภาครัฐ