- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Monday, 31 October 2016 23:07
- Hits: 6892
PwC แนะจับตา ‘ปฏิวัติอุตสาหกรรมสู่ยุค 4.0’ คาดเงินลงทุนพุ่งใน 5 ปีข้างหน้า
PwC เผยบริษัทในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมทั่วโลกตื่นตัวปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 คาดภายใน 5 ปีใช้เม็ดเงินลงทุนกว่า 907 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี เพื่อเชื่อมเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ากับทุกหน่วยการผลิต ชี้อุตสาหกรรม 4.0 ช่วยผลักดันรายได้ด้านดิจิทัลของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.9% ต่อปี แถมช่วยลดต้นทุนปีละ 3.6% แต่ระบุความท้าทายของธุรกิจ คือ การขาดวัฒนธรรมดิจิทัลในองค์กร–ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ด้านไทยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเริ่มตื่นตัวหลังรัฐบาลประกาศใช้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ภายใต้แนวคิด “ไทยแลนด์ 4.0” คาดต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากเพื่อเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัล
นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงผลสำรวจ Industry 4.0: Building the digital enterprise ที่ทำการสำรวจบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 2,000 รายจาก 9 อุตสาหกรรม ใน 26 ประเทศว่า ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกกำลังตื่นตัวในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry 4.0) โดยเชื่อมเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ากับทุกหน่วยการผลิตตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการ ถือเป็นยุคที่มีการบรูณาการระบบนิเวศทางดิจิทัลเข้ากับพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่า (Value chain partners) โดยการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Data analytics) ถือเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม 4.0 ทั้งนี้ คาดว่า จากนี้จนถึงปี 2563 อุตสาหกรรมทั่วโลกจะลงทุนปีละ 907,000 ล้านดอลลาร์เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
“เราเห็นกระแสการลงทุนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกเพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุค 4.0 อย่างเต็มรูปแบบจากบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม วันนี้ผู้ประกอบการเน้นไปที่การลงทุนในเทคโนโลยีสำคัญๆ เช่น เซ็นเซอร์ หรืออุปกรณ์เชื่อมต่อ ซอฟแวร์ และแอปพลิเคชัน เช่น ระบบประมวลผลสถานะและระบบการผลิต รวมไปถึงการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อผลักดันให้องค์เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่ต้องการ โดยบริษัทมากกว่าครึ่งที่ทำการสำรวจคาดหวังว่า จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนกลับคืนมาภายใน 2 ปี” นางสาว วิไลพร กล่าว
ปัจจุบัน ผู้นำบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงฟังก์ชั่นการทำงานภายในองค์กรให้เป็นดิจิทัล รวมทั้งมีการบรูณาการห่วงโซ่อุปทานทั้งในแนวราบและแนวดิ่ง ไม่ว่าเป็นกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง การขนส่งและโลจิสติกส์ ตลอดจนการมีพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น ซัพพลายเออร์ คู่ค้าและลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆที่มีฟังก์ชั่นการทำงานแบบดิจิทัล และบริการฐานข้อมูลอีกด้วย
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า 1 ใน 3 ของบริษัทที่ทำการสำรวจให้คะแนนอัตราการแปลงเป็นดิจิทัลของตน (Digitisation) อยู่ที่ระดับ 33% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 72% ภายใน 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า รายได้ด้านดิจิทัลของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2.9% หรือคิดเป็นรายได้ต่อปีที่ 493,000 ล้านดอลลาร์และช่วยลดต้นทุนปีละ 421,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.6% ต่อปีโดยเฉลี่ย เนื่องจากเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้ย่นระยะการผลิตให้สั้นลง ทำให้สามารถนำสินทรัพย์มาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด และเพิ่มคุณภาพสินค้าให้สูงขึ้น
นางสาว วิไลพร กล่าวต่อว่า ไม่น่าแปลกใจที่หากบริษัททั่วโลกปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ได้สำเร็จ จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นและช่วยลดต้นทุนจำนวนมหาศาล เพราะยุคอุตสาหกรรม 4.0 เป็นการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะและข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
‘การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง’ หัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม 4.0
จากการสำรวจพบว่า การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 โดยมากกว่า 80% ของบริษัทที่ทำการสำรวจคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าการวิเคราะห์ข้อมูลจะเข้ามามีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลจะทำให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้า ช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ โดยโรงงานยุค 4.0 จะสามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายรูปแบบ และแตกต่างกันตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละราย
อย่างไรก็ดี ความท้าทายของธุรกิจ คือ การขาดการปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัลภายในองค์กรที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ และ การฝึกอบรม รวมไปถึงการขาดผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล โดยเกือบ 40% ของผู้บริหารที่ทำการสำรวจระบุว่า ยังอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ของพนักงานแต่ละคนเป็นหลัก แทนที่จะจัดตั้งแผนกหรือหน่วยงานขึ้นมาดูแลและทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ความปลอดภัยของข้อมูล ก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องใส่ใจ โดย นางสาว วิไลพรกล่าวว่า การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจะช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถป้องกันปัญหาการโจรกรรมข้อมูล และช่วยลดผลกระทบต่อระบบปฏิบัติการในองค์กรอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น
นางสาว วิไลพร กล่าวว่า ในขณะที่บริษัทและอุตสาหกรรมชั้นนำต่างๆ ทั่วโลกต่างเร่งปรับตัวเพื่อรับมือกับยุคของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า บูรณาการด้านดิจิทัลขององค์กรทั่วโลกจะอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างกันมากนักในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่จะมีประเทศอย่างเยอรมนี สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำการปฏิวัตินี้ ยกตัวอย่าง เช่น บริษัทในประเทศเยอรมนีและญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้มีความพร้อมมากที่สุดจะเน้นไปที่การแปลงเป็นดิจิทัลทั้งในส่วนของการดำเนินงานภายในองค์กรและสร้างพันธมิตรในแนวราบ ส่วนในสหรัฐอเมริกา จะเกิดรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้นเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนสินค้าและบริการให้เป็นดิจิทัลของผู้ประกอบการ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตในประเทศจีนเอง จะเน้นไปที่การลดต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งจากต่างประเทศ
สำหรับ ประเทศไทย ปัจจุบันรัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ภายใต้โมเดลที่เรียกว่า “ประเทศไทย 4.0” ในระยะเวลา 3-5 ปี โดยจะเป็นเศรษฐกิจที่เน้นการขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Value-Based Economy) เปลี่ยนการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ไปสู่สินค้าเชิงนวัตกรรม เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยอุตสาหกรรมไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล และเปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตไปสู่ภาคการบริการมากขึ้น ซึ่งหากทำสำเร็จ จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ประเทศได้อย่างมาก และน่าจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาวอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นความท้าทายของภาครัฐในการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สมบูรณ์ รวมทั้งการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเป็นรากฐานในการก้าวไปสู่ยุค 4.0 ซึ่งคาดว่า จะต้องใช้เงินลงทุนด้านนี้เป็นจำนวนมหาศาล ด้านผู้ประกอบการไทยเองก็เริ่มตื่นตัวในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการของตนเอง โดยหลายบริษัทเริ่มกันเงินงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อลงทุนด้านดิจิทัลไว้ด้วยเช่นกัน
เกี่ยวกับ PwC
PwC (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส) หนึ่งในเครือข่ายบริษัทผู้ให้บริการด้านตรวจสอบบัญชี บริการให้คำปรึกษาด้านภาษี และบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจรายใหญ่ของโลก มีเครือข่ายไปใน 157 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า 223,000 คน สำหรับประเทศไทย บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 58 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่างๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรกว่า 1,600 คนในประเทศไทย
©2016 PwC. All rights reserved.
บริษัท PwC Consulting (ประเทศไทย) หนึ่งในเครือข่ายบริษัทผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบบัญชี บริการให้ คำปรึกษาด้านภาษี และบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจรายใหญ่ของโลก เผยแพร่รายงาน Industry 4.0: Building the digital enterprise ที่ทำการสำรวจบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมจำนวนกว่า 2,000 รายจาก 9 อุตสาหกรรมใน 26 ประเทศเกี่ยวกับการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4
เนื้อหาที่น่าสนใจ มีดังต่อไปนี้
ปัจจุบันบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกกำลังตื่นตัวในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry 4.0) โดยเชื่อมเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ากับทุกหน่วยการผลิต ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดกระบวนการผลิต ถือเป็นยุคที่มีการบรูณาการระบบนิเวศทางดิจิทัลเข้ากับพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่า (Value chain partners) ทั้งนี้ คาดว่า จากนี้จนถึงปี 2563 อุตสาหกรรมทั่วโลกจะลงทุนปีละ 907,000 ล้านดอลลาร์เพื่อปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งนี้
1 ใน 3 ของบริษัทที่ทำการสำรวจให้คะแนนอัตราการแปลงเป็นดิจิทัลของตน (Digitisation) ที่ระดับ 33% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 72% ภายใน 5 ปีข้างหน้า และยังคาดว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ในอีก 5 ปีข้างหน้า รายได้ด้านดิจิทัลของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 2.9% และช่วยลดต้นทุนได้ปีละ 3.6%
การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Data analytics) จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 โดยมากกว่า 80% ของบริษัทที่ทำการสำรวจคาดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะเข้ามามีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญ เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงจะทำให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้า ช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
การขาดการปลูกฝังวัฒนธรรมดิจิทัลภายในองค์กรที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นวิสัยทัศน์ และ การฝึกอบรม รวมไปถึงการขาดผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ยังคงเป็นความท้าทายหลักของธุรกิจกลุ่มนี้ โดยเกือบ 40% ของผู้บริหารที่ทำการสำรวจระบุว่า ยังอาศัยความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ของพนักงานแต่ละคนเป็นหลัก แทนที่จะจัดตั้งแผนกหรือหน่วยงานขึ้นมาดูแลและทำการวิเคราะห์ข้อมูลโดยเฉพาะ
ความท้าทายของภาครัฐไทยคือ การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่สมบูรณ์ รวมทั้งการขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตให้ครอบคลุมทั่วประเทศเพื่อเป็นรากฐานในการก้าวไปสู่ยุค 4.0 ซึ่งคาดว่า จะต้องใช้เงินลงทุนด้านนี้เป็นจำนวนมหาศาล ด้านผู้ประกอบการเองเริ่มตื่นตัวในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าและบริการของตน โดยหลายบริษัทเริ่มกันเงินงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อลงทุนด้านดิจิทัลเช่นกัน
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาอ่านตามเอกสารที่ได้แนบมา
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณ พลอย เทน เคท
มือถือ: +6689 891 6158
อีเมลล์: [email protected]
คุณ ปฐมาวดี ศรีวงษา
มือถือ: +6689 894 1668
อีเมลล์: [email protected]
คุณ ปิยะณัฐ สวนอภัย
มือถือ: +6681 551 1004
อีเมลล์: [email protected]
คุณ วรารัตน์ วีระคงสุวรรณ
มือถือ: +6695 916 6245
อีเมลล์: [email protected]
คุณ กุลธิดา เด่นวิทยานันท์
มือถือ: +6681 838 4410
อีเมลล์: [email protected]
ด้วยความเคารพอย่างสูง
พลอย Ploy Ten Kate
PwC | Head of PR & Communications | Brand Lead
Direct: +662 344 1000 Ext. 4713 (Bangkok) | Mobile: +6689 891 6158 (Bangkok)
Email: [email protected]
PricewaterhouseCoopers ABAS Ltd.
15th Floor Bangkok City Tower, 179/74-80 South Sathorn Road, Bangkok 10120 Thailand
https://twitter.com/PwC_TH
http://www.facebook.com/PwCthmarketplace
https://www.linkedin.com/company/pwc_thailand
PwC named strongest B2B brand & one of the world's 10 most powerful brands by Brand Finance