- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Thursday, 22 September 2016 12:22
- Hits: 3769
ก.อุตฯ เตรียมจับมือเอกชนลงทุนนิคมฯ อาหารอีก 5 แห่งภายใน 5 ปี ตั้งเป้าติดท็อป5 ฮับอาหารโลกใน 20 ปี
นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่ากระทรวงตั้งเป้าหมายขับเคลื่อนและพัฒนาโครงสร้างอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยในโครงการเวิล์ด ฟูด วัลเลย์ ไทยแลนด์ คาดทำให้เกิดมูลค่าการลงทุนรวมได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมอาหารได้อีก 1.5-2 หมื่นล้านบาท สามารถยกระดับสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกให้ได้ภายใน 20 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 14 สร้างรายได้ให้ประเทศในปี 2558 เป็นมูลค่า 897,529 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายให้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของอุตสาหกรรมอาหารขยายตัวเฉลี่ย 4% ส่งออกอาหารให้ได้ 8% ต่อปี
ทั้งนี้ กระทรวงตั้งเป้าลงทุนนิคมอุตสาหกรรมอาหารรวม 5 แห่ง ภายใน 5 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างกำลังศึกษารายละเอียด ซึ่งมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายในการขับเคลื่อนที่ชัดเจน 3 เรื่อง ได้แก่
1.การเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายในสาขาอาหารให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการสร้างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมใหม่เป็นกำลังในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยในเวทีโลก คาดจะมีจำนวนกว่า 20,000 ราย
2.ต้องเพิ่มมูลค่าและผลิตภาพให้มีอัตราการขยายตัวให้ได้ 2% ต่อปี โดยการพัฒนามาตรฐานสินค้าอาหารแปรรูปไทยทั้งรสชาติ มาตรฐานตามที่ตลาดต่างๆ ต้องการ และ3.การสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถค้าขาย ส่งออกได้บนพื้นฐานของสินค้าที่มีคุณภาพและมีมูลค่าเพิ่มในตลาดเดิมและตลาดใหม่จนทำให้มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 8% ต่อปี อีกทั้งควรมีการกำหนดวิสัยทัศน์การทำงานว่า “ประชารัฐร่วมใจประเทศไทยเป็นครัวของโลก' และมีการวัดผลการทำงานจากส่วนแบ่งในตลาดโลกด้วย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศสู่ยุค 4.0 ควรให้ความสำคัญใน 3 เรื่อง คือ ประการแรกการเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและการแข่งขันของผู้ประกอบการอาหารไทยให้เข้าสู่ยุค 4.0 หรือให้เป็นนักรบรุ่นใหม่ ประการที่สองการจัดระบบการพัฒนาปัจจัยเอื้อต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยเป็นครัวของโลก อย่างการพัฒนา เวิล์ด ฟูด วัลเลย์ ไทยแลนด์ ที่มีองค์ประกอบในการให้บริการทั้งพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวบบ เพื่อเชื่อมโยงการพัฒนานวัตกรรมและมาตรฐาน ตลอดจนพื้นที่เพื่อการพัฒนากำลังแรงงานภาคอุตสาหกรรม และประการที่สาม การพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมอาหารอนาคต และช่องทางการค้าในเวทีสากล เพื่อให้เอสเอ็มอีได้มีโอกาสเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารโลก
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย