WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIEศรรจ จลกะรตนสศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตฯ เดือนก.พ.59 หดตัว 1.62% จากช่วงเดียวกันปี 58 หลังกลุ่มยานยนต์ เหล็ก -สิ่งทอ - อิเล็กฯ ชะลอตัว

       นายศิริรุจ จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ของเดือนกุมภาพันธ์ 2559 หดตัว 1.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่อัตราการใช้กำลังผลิตที่ยกระดับเพิ่มขึ้นที่ 65.7 ในรอบ 11 เดือน ดัชนีการส่งสินค้ามีการปรับ ตัวเพิ่มขึ้น 3.34% แสดงถึงมีการจำหน่ายสินค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบใน ประเทศยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.62%

   โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีมีการปรับตัวลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์ มีการผลิตลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.11% อย่างไรก็ตาม การส่งออกรถกระบะประเภท PPV เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 136.82% ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นในตลาดประเทศแถบตะวันออกกลาง โอเชีย เนีย และแอฟริกา

     อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า มีการผลิตลดลง 12.76% และการบริโภคเหล็กของไทยลดลง 5.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นการไหลเข้าของเหล็กสำเร็จรูป จากจีน

    อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีการผลิตผลิตภัณฑ์เส้นใยสิ่งทอเพิ่มขึ้น 3.2% ในส่วนของเส้นใย สังเคราะห์ โดยในส่วนของเส้นด้านผลิตลดลงตามการผลิตผ้าผืนที่ลดลง 0.52% ในส่วนการผลิตเสื้อ ผ้าสำเร็จรูปลดลง 12.7% เนื่องจากได้รับคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่ลดลง ส่วนหนึ่งเป็น ผลมาจากต้นทุนการผลิตของไทยสูงกว่าของประเทศคู่แข่ง

   อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ภาพรวมของการผลิตปรับตัวลดลง 0.87% โดยอุตสาหกรรม อิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง 2.43%ขณะที่อุตสาหกรรมไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.0% โดยกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อ เทียบกับช่วงเดียว กันของปีก่อน 3 อันดับแรก ได้แก่ พัดลม หม้อหุงข้าว เตาอบไมโครเวฟ เพิ่มขึ้น 28.53%, 23.49% และ 13.36% ตามลำดับ โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินค้าพัดลม เนื่องมาจาก การปรับตัวเพิ่มขึ้นของการส่งออกในตลาดอาเซียนเป็นหลัก ส่วนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของสินค้าหม้อหุง ข้าว สินค้าเตาอบไมโครเวฟ เนื่องมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการผลิตเพื่อการจำหน่ายในช่วง เทศกาล

    ขณะที่อุตสาหกรรมที่ส่งผลบวกต่อดัชนีอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและส่งออกใน ภาพรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.1% และ 4.4% ตามลำดับ เนื่องจากการผลิต ผักผลไม้ ปศุสัตว์และน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีปัญหาภัยแล้งที่ทำให้ผลผลิตสินค้าเกษตรของโลกลดลง แต่ส่งผลแนวโน้มราคาสินค้าเพิ่มขึ้นทำให้การผลิตและการส่งออกปรับตัวดีขึ้น โดยในเนื้อสัตว์และ ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ การผลิตและจำหน่ายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก ความต้องการผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนเนื้อสัตว์แช่แข็งในประเทศเพิ่มขึ้น

  เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 33.07% ซึ่ง เพิ่มขึ้นในเกือบทุกรายการสินค้า ดังนี้ สร้อย , ต่างหู , แหวน , และจี้ เนื่องจากสินค้าที่ผลิตเป็น สินค้าที่มีคุณภาพและมีการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ที่มีความสวยงาม รวมถึงสามารถเก็บเป็นของสะสมได้ ทำให้สินค้าได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ

       ผลิตภัณฑ์พลาสติก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 11.33% จากถุงพลาสติก และกระสอบพลาสติก เนื่องจากความต้องการภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น

   ผลิตภัณฑ์ยาง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 9.17% จากผลิตภัณฑ์ยางแท่งและ ผลิตภัณฑ์ยางแผ่น เนื่องจากมีพื้นที่เปิดการกรีดหน้ายางเพิ่มขึ้น ทำให้ผลผลิตน้ำยางออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง

   ส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบสำหรับยานยนต์ และเครื่องยนต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตเพิ่มขึ้น 3.36% ในสินค้าเครื่องยนต์ดีเซล จากความต้องการใช้ภายในประเทศเป็นหลัก ทำ ให้ช่วงเดียวกันของปีนี้ยอดการจำหน่ายในประเทศโตขึ้นอย่างมาก สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรม พบว่าการผลิตยังอยู่ในระดับปกติใกล้เคียงกับปีที่ แล้ว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย                                                              

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!