WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ดัชนี เชื่อมั่นอุตสาหกรรมฟื้น สูงสุดในรอบ 12 เดือนสศอ.ไม่ห่วง 'อียู'กดดัน

     แนวหน้า : ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมในเดือนม.ย. ฟื้นทะลุ 56.6 จุด สูงสุดทำสถิติ สศอ.มั่นใจ “จีดีพี” ภาคอุตสาหกรรมสูงกว่าเป้า 1.5% ยันมาตรการกดดันจากสหรัฐฯ-อียู ไม่กระทบส่งออก

    นายสมชาย หาญหิรัญ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. 2557 ขยายตัวไปอยู่ในระดับ 56.6 จุด ซึ่งเป็นค่าดัชนีที่เกิน 50 จุด ครั้งแรกนับตั้งแต่กลางปี 2556 หรือในรอบ 12 เดือน ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของหอการค้าไทย ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และดัชนีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล้วนแต่เพิ่มขึ้นทุกตัว ทำให้มั่นใจว่าในครึ่งปีหลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรมจะขยายตัวสูงกว่าในครึ่งปีแรก

     นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศก็จะขยายตัวเพิ่มขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ การจ่ายเงินจำนำข้าง การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และงบโครงการก่อสร้างต่างๆ รวมทั้งการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทำให้มียอดซื้อจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสื้อผ้าที่มีมูลค่าการขายผ่านนักท่องเที่ยวกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้คาดว่าในปีนี้ จีดีพี อุตสาหกรรมจะขยายตัวสูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 1.5% ส่วนการส่งออกในสินค้าอุตสาหกรรม สศอ. ยังคงเป้าหมายการขยายตัวไว้ที่ 5% ซึ่งจะขอดูตัวเลขส่งออกรวม 6 เดือนอีกครั้งว่าอยู่ในระดับ จึงจะสามารถคาดการณ์ตัวเลขส่งออกภาคอุตสาหกรรมได้อีกครั้ง

   “แม้ว่าตัวเลขการส่งออกในรอบ 5 เดือนมูลค่าจะติดลบ 1.2% แต่ปริมาณกลับไม่ได้ลดลง เนื่องจากในอุตสาหกรรมหลายตัวของไทยได้ปรับโครงสร้างการส่งออก โดยเฉพาะรถยนต์ที่ได้เปลี่ยนมาเน้นการส่งออกรถยนต์อีโคคาร์ที่มีราคาต่ำกว่ารถยนต์ที่เคยผลิต แต่ถ้าวัดจำนวนการส่งออกมีตัวเลขเพิ่มขึ้น 2% เนื่องจากเทรนของโลกต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่ประหยัดพลังงานมากกว่ารถยนต์ขนาดใหญ่ ส่วนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ไทยก็กำลังปรับตัวจากการส่งออกชิ้นส่วนที่เน้นในเครื่องคอมพิวเตอร์ ไปเป็นชิ้นส่วนเพื่อรองรับแท๊ปเลต และสมาร์ทโฟนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยอดส่งออกในอนาคตเพิ่มขึ้น ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆก็ยังมีแนวโน้มที่ดี มีการยกระดับสินค้าไปสู่ตลาดที่มีราคาสูงมากขึ้น” นายสมชาย กล่าว

   ส่วนผลกระทบจากมาตรการกดดันจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ในเรื่องแรงงาน และการเมืองนั้น มองว่าจะไม่ส่งผลกระทบ เพราะการที่ผู้ซื้อต่างชาติจะเปลี่ยนซัพพลายเออร์ทันทีไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาในระยะหนึ่ง ซึ่งมั่นใจว่าในช่วงเวลานี้ประเทศไทยจะสามารถชี้แจงกับต่างชาติได้ โดยเฉพาะในเรื่องแรงงานที่มีหลักฐานใหม่ๆที่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ และมาตรการต่างๆที่ออกมาในขณะนี้ เช่น การขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว และการแก้ไขปัญหาแรงงานทั้วระบบก็มีความชัดเจนและโปร่งใส จึงคาดว่าสหรัฐฯจะปรับอันดับไทยจากเทียร์ 3 ไปสู่เทียร์ 2 ได้ ในเร็วๆนี้

    สำหรับ ยอดการส่งออกไปประเทศจีนที่ในรอบ 5 เดือนแรกลดลงถึง 5.6% นั้น เนื่องจากจีนได้ลดคำสั่งซื้อในสินค้าเกษตรขั้นกลางน้ำลงมาก โดยเฉพาะสินค้าหลักอย่างยางพารา เนื่องจากจันมีสต็อกยางภายในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ลดคำสั่งซื้อลง รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดก็มีราคาที่ลดลง รวมทั้งอัตราการบริโภคในประเทศจีนก็เริ่มถึงจุดอิ่มตัว จึงทำให้ยอดการส่งออกของไทยไปจีนลดลง ซึ่งในปีหน้าสต็อกยางภาราในจีนลดลง ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ก็จะฉุดยอดส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้น

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!