- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Thursday, 17 September 2015 08:50
- Hits: 3109
กสอ.ปั้น 3 ย่านการค้าแฟชั่นเพิ่ม หวังผลักดันไทยขึ้นอันดับ1ในอาเซียน
แนวหน้า : นายประสงค์ นิลบรรจง รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เปิดเผยว่า ภายในปี 2559-2560 เตรียมขยายพื้นที่เครือข่ายย่านแฟชั่นอีก 3 ย่าน คือ ย่านการค้าพัทยา จังหวัดชลบุรี, ย่านการค้าจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทั้ง 2 ย่านเน้นจุดขายแฟชั่นเกี่ยวกับทะเลและย่านการค้าเชียงใหม่ เน้นจุดขายแฟชั่นเกี่ยวกับวัฒนธรรมล้านนา เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการแฟชั่นไทยในย่านดังกล่าว หลังจากสร้างกลุ่มแฟชั่น 6 ย่านการค้า ในปี 2556-2557 จนประสบความสำเร็จ สามารถสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการที่มีศักยภาพพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ส่งผลให้แต่ละย่านมียอดขายขยายตัวกว่า 4-5%
“หลังจากได้สร้างย่านการค้า 6 ย่าน คือ ย่านการค้าผ้าไหมปักธงชัย จ.นครราชสีมา มีสมาชิก 19 กิจการ,ย่านการค้าเสื้อผ้ามุสลิม มีนบุรี มีสมาชิก 16 กิจการ,ย่านการค้าเทอร์มินัล 21 มีสมาชิก 15 กิจการ, ย่านการค้าตลาดนัดจตุจักร มีสมาชิก 15 กิจการ, ย่านการค้าสำเพ็ง มีสมาชิก 16 กิจการ, ย่านการค้าสยามสแควร์ มีสมาชิก 15 กิจการ ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละพื้นที่มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์มาก เช่น ย่านมีนบุรี ผ้าไหมจะมีลวดลายมากขึ้น จากเดิมมีเพียง 4-5 ลายเท่านั้น” นายประสงค์ กล่าว
สำหรับ ปี 2558 คาดว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นประกอบด้วย สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, เครื่องประดับอัญมณี, รองเท้าและเครื่องหนัง คาดว่ามีมูลค่า 670,000-680,000 ล้านบาท ขยายตัว 4-5% จากปี 2557 โดยปี 2559 คาดว่าได้งบประมาณในการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นเกือบ 100 ล้านบาท จะนำงบประมาณมากระจายพัฒนาในหลายๆ โครงการ เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมแฟชั่นไทยขึ้นอันดับ 1 ในอาเซียน จากปัจจุบันอยู่อันดับ 2รองจากสิงคโปร์ โดยจะพัฒนาย่านการค้าในภูมิภาคต่างๆเพื่อให้ต่อไปหากนักออกแบบแฟชั่นระดับโลกนึกถึงวัตถุดิบในภูมิภาคอาเซียนในการผลิตสินค้าแฟชั่นก็ให้นึกถึงไทยเป็นอันดับแรก
นายโมลี มณีโชต์ ประธานเครือข่ายผู้ประกอบการแฟชั่นย่านสยามสแควร์ และผู้ประกอบการรองเท้าแบรนด์“มณีศิลป์” กล่าวว่า ยอมรับว่าผู้ประกอบการในย่านสยามสแควร์ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง ผู้บริโภคระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ทำให้ยอดขายลดลงตามไปด้วยแต่ย่านสยามสแควร์ถือว่ามีจุดแข็งในแง่ของแฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสความนิยม และปกติในช่วงปลายปีจะมีบรรยากาศการเฉลิมฉลอง จึงเชื่อว่าการจับจ่ายใช้สอยจะมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการพร้อมรองรับการพัฒนาเครือข่ายแฟชั่นของภาครัฐอย่างเต็มที่ โดยระหว่างนี้เครือข่ายผู้ประกอบการ จะหารือถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เพื่อเสนอภาครัฐให้สามารถกำหนดมาตรการช่วยเหลือได้ตรงจุดมากกว่าที่ผ่านมา และตั้งเป้าจะนำแบรนด์สินค้าที่ได้รับความนิยมเข้าไปสู่ตลาดเซี่ยงไฮ้ให้ได้ภายในปี 2559