- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Sunday, 13 September 2015 15:26
- Hits: 3449
'อรรชกา'สั่งสอน.ศึกษาเยียวยาโรงงานน้ำตาล
ไทยโพสต์ : พระราม 6 * อุตสาหกรรมสั่ง สอน.เร่งศึกษาอัตราการจ่ายเงินชดเชยผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล หลังราคาในตลาดโลกลดต่ำสุดในรอบหลายปี หวั่นราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตหน้าตกต่ำ
นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย.58 ที่ผ่านมา ตัวแทนชาวไร่อ้อยเข้าหารือถึงสถานการณ์อ้อยและน้ำตาลทรายที่ตกต่ำลง แม้ว่าแนวโน้ม การซื้อขายน้ำตาลทรายในปี 2558 จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ในด้านราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกที่ต่ำสุดในรอบหลายปี โดยมาอยู่ที่ระดับ 11 เซนต์ต่อปอนด์ จากปี 2557 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 18- 19 เซนต์ต่อปอนด์ ทำให้กระ ทรวงอุตสาหกรรมต้องสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ไปศึกษาอัตราการจ่ายเงินส่วนต่างระหว่างราคาอ้อยขั้นปลาย ซึ่งต่ำกว่าราคาอ้อยขั้นต้นให้แก่โรงงานน้ำตาลทราย
ทั้งนี้ กระทรวงได้เตรียมมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล ด้วยการนำเงินจากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจำนวนหนึ่งมาชดเชยให้ โดยอยู่ระหว่างหารือเรื่องตัว เลขที่แน่ชัด ส่วนจะมีการเสนอของบประมาณกลางจากรัฐบาลมาชดเชยเพิ่มเติมด้วยหรือไม่นั้น ต้องใช้เวลาพิจารณาอีกระยะ หนึ่ง แต่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินอุดหนุนต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากขณะ นี้ราคาส่งออกกากน้ำตาลปรับตัวสูงขึ้น จึงทำให้มีเม็ดเงินหมุน เวียนในอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายมากขึ้น ดังนั้นเมื่อมาคำ นวณเป็นราคาอ้อยขั้นปลายจึงไม่แตกต่างจากราคาอ้อยขั้นต้นมากนัก
สำหรับ ฤดูการหีบอ้อยใหม่ 2558/2559 ที่จะมีการกำหนดราคาในเดือน พ.ย.2558 นี้ ทาง ชาวไร่อ้อยได้แสดงความกังวลต่อแนวโน้มราคาอ้อยขั้นต้นที่จะลดต่ำกว่าฤดูการผลิตนี้ ซึ่งอยู่ที่ 900 บาทต่อตัน จึงให้ สอน. เร่งเก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อนำมาคำนวณราคาอ้อยขั้นต้นในฤดูการผลิตใหม่ พร้อมติดตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด เพราะหากนำราคาน้ำตาลทรายปัจจุบันที่ 11 เซนต์ต่อปอนด์มาคำนวณ จะทำให้ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตถัดไปอยู่ในระดับที่ต่ำมาก
‘อุตฯ’เล็งปรับลดวงเงินกู้‘ธ.ก.ส.’ l จ่ายชดเชยค่าอ้อยให้ชาวไร่
แนวหน้า : นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่าในปีการผลิตอ้อยและน้ำตาลทราย 2557/2558 คณะกรรมการกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) จะไม่ต้องขอกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในวงเงิน 15,000 ล้านบาท ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจจะขอกู้ตามเดิม แต่วงเงินกู้สามารถปรับลดลงได้ เพื่อนำมาจ่ายชดเชยค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อย เนื่องจากในปี 2558 นี้ต้นทุนการเพาะปลูกชาวไร่อ้อยอยู่ที่ 1,200 บาทต่อตัน แต่ราคาอ้อยขั้นต้นที่คำนวณล่าสุดอยู่ที่ 900 บาทต่อตัน ทำให้ต้องขอกู้เงินจาก ธ.ก.ส. มาจ่ายชดเชยให้กับชาวไร่อ้อย
“วงเงินกู้ที่จะนำมาจ่ายชดเชยค่าอ้อยให้กับชาวไร่อ้อยจะมีจำนวนวงเงินเท่าใดนั้น ในเรื่องนี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) และคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ไปร่วมกันดำเนินการเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งสาเหตุที่วงเงินกู้ดังกล่าวอาจมีการปรับลดลงมาได้นั้น เป็นเพราะในปี 2558 นี้ได้รับปัจจัยบวกจากกรณีที่เงินบาทอ่อนค่าลง ส่งผลทำให้รายได้จากการส่งออกน้ำตาลเพิ่มขึ้น และยังมีรายได้จากการขายกากน้ำตาล หรือโมลาส เข้ามาในระบบแบ่งปันผลประโยชน์อ้อยและน้ำตาลทราย70/30 เพิ่มขึ้นอีกด้วย” นางอรรชกา กล่าว
สำหรับ สถานการณ์ราคาน้ำตาลในตลาดโลกล่าสุดพบว่าอยู่ที่ระดับประมาณ 10-11 เซ็นต์ต่อปอนด์ จากที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับประมาณ 15 เซ็นต์ต่อปอนด์ จึงทำให้ราคาอ้อยขั้นต้นที่ต้องจ่ายให้กับชาวไร่อ้อยลดลง ขณะที่การที่จะสามารถลดวงเงินกู้จาก ธ.ก.ส.ลงได้ระดับหนึ่งนั้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของ กท. เพราะเงินสดหมุนเวียนของ กท.ที่มีอยู่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ยังมีภาระที่จะต้องนำไปใช้จ่ายในเรื่องของค่าบริหารของ กท.เอง และสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือให้ชาวไร่อ้อยนำไปขุดบ่อน้ำบาดาล เพื่อการเพาะปลูกอ้อย รวมถึงการสนับสนุนการจัดซื้อรถตัดอ้อย เป็นต้น
ไฟเขียวงบ 1.1 พันล.ช่วยเอสเอ็มอี
ไทยโพสต์ * บอร์ดไฟเขียวงบกว่า 1,100 ล้าน ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศ หนุนเดินหน้าบูรณาการ พัฒนาฐานข้อมูล สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า พร้อมตั้งนางสาลินี วังตาล เป็น ผอ.สสว.คนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติให้ความเห็นชอบแผนการดำเนินงานและงบประมาณการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จำนวน 1,105.78 ล้านบาท ประกอบด้วย แผนงานและงบประมาณการส่งเสริมเอสเอ็มอี ของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ปี 2559 วงเงิน 475.78 ล้านบาท
ทั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ได้มอบนโยบายการทำงานให้ทุกหน่วย งานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการบูรณาการงานส่งเสริมเอสเอ็มอีร่วมกัน ทั้งศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร และการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมทั้งให้ความสำ คัญในการนำงานวิจัย พัฒนา และ นวัตกรรม มาเป็นหลักในการเพิ่ม ประสิทธิภาพ และสร้างมูลค่า เพิ่มให้กับสินค้าและบริการของ เอสเอ็มอีเพิ่มมากขึ้น และให้มีการส่งเสริมเอสเอ็มอีในหลากหลายรูปแบบเพื่อสร้างความเข้มแข็งและเติบโตรวมถึงการคัดสรรและจัดสัดส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเชื่อมโยงทางธุรกิจระหว่างกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะ กรรมการส่งเสริมฯ ยังมีมติเห็น ชอบแต่งตั้ง นางสาลินี วังตาล ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประ ธานกรรมการธนาคารพัฒนา วิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อมแห่งประเทศไทย เป็นผู้อำ นวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาห กิจขนาดกลางและขนาดย่อมคนใหม่.