WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

อรรชกา  สบญเรองรุกเพิ่มมูลค่าข้าวหอมมะลิลดต้นทุน-ยกระดับโรงสีออแกนิก

    แนวหน้า : นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การส่งออกข้าวหอมมะลิของไทย ที่ปัจจุบันมีคู่แข่งมากขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา ปัญหาสำคัญที่กำลังเผชิญอยู่ เป็นเรื่องต้นทุนการผลิตสูง แต่ได้คุณภาพข้าวต่ำ ทั้งเรื่องความหอมและผลผลิตต่อไร่ที่ลดลง ขณะที่การปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ หรือออแกนิก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่มีราคาสูงกว่าที่ผ่านมา ต้องพึ่งการรับรองและประเมินราคาตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้าเป็นหลัก หากราคาสูงต้องได้มาตรฐานทั้งห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งไทยจะมีความพร้อมเพียงเรื่องต้นทาง คือ การเพาะปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์เท่านั้น

    ทั้งนี้ จากปัญหาดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้ 3 กระทรวง คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ดูแลเรื่องการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ดูแลเรื่องระบบตรวจสอบย้อนกลับคุณภาพข้าวหอมมะลิอินทรีย์) และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันประยุกต์ระบบเครือข่ายอุตสาหกรรมเกษตรเชิงพาณิชย์พัฒนาห่วงโซ่อุปสงค์-อุปทาน (Demand-Suppy Chain) ข้าวหอมมะลิทั้งระบบด้วยเทคโนโลยีปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ เพื่อให้มีต้นทุนต่ำลง แต่ได้ผลผลิตสูงขึ้น และมีความหอมเพิ่มขึ้นจากเดิม 2-3 เท่า

   โดยกระทรวงอุตสาหกรรม จะรับผิดชอบเรื่องพัฒนาปุ๋ยธาตุอาหารสำหรับพืชและโรงสีข้าวหอมมะลิอินทรีย์ นำร่องโดยได้จัดทำ 2 โครงการ ซึ่งได้ว่าจ้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็นที่ปรึกษา คือ 1.โครงการพัฒนาเครือข่ายอุตสาหกรรมปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ เพื่อลดต้นทุนเกษตรกร เนื่องจากส่วนใหญ่มีการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกข้าว ทำให้ดินเค็ม กลายเป็นดินเปรี้ยว ปัจจุบันภาครัฐต้องการให้ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ผสมลงไป 20% ดังนั้นโครงการนี้จะช่วยพัฒนาปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพสูตรใหม่ ให้มีธาตุอาหารพืชที่ตรงกับความต้องการของชนิดพืชและอายุการเติบโต มีการเติมปุ๋ยที่มีธาตุอาหารจำเป็นในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพดินโดยการย่อยสลายสารพิษจากการใช้ปุ๋ยเคมีด้วย

    สำหรับ ความคืบหน้าโครงการ จะแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะแรกเป็นการให้ความรู้ที่ถูกต้อง (Knowhow) แก่เกษตรกร 2,000 คน มีแปลงทดลอง 20 แห่ง,ระยะที่ 2 การพัฒนาโรงงานผลิตธาตุอาหารสำหรับพืช โดยให้อุตสาหกรรมจังหวัดเลือกโรงปุ๋ยจังหวัดละ 1 แห่ง และจะคัดเลือกโรงปุ๋ยเพื่อพัฒนาให้ได้มาตรฐานเกษตรอินทรีย์อย่างน้อย 10 แห่ง และผลิตธาตุอาหารสำหรับพืชนำมาทดลองใช้ใน 1 รอบปีการเพาะปลูก และระยะที่ 3 การวัดผลจากผลผลิตที่ได้ว่าตรงกับเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ โดยได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2559 ปัจจุบันกำลังดำเนินการระยะแรก

     2.โครงการพัฒนาโรงสีข้าวคุณภาพเพื่อให้ได้มาตรฐานห่วงโซ่อุปทานเกษตรอินทรีย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานห่วงโซ่อุปทานของข้าวหอมมะลิอินทรีย์ที่ปลูกในประเทศให้ครบวงจร ตั้งแต่ระดับเพาะปลูก การสีและปรับปรุงคุณภาพข้าว จนถึงการแปรรูปเป็นข้าวสำเร็จรูป (Ready to Eat) ทุกอย่างเป็นออแกนิกทั้งหมด ซึ่งจะทำให้มีราคาสูงขึ้นมากกว่าข้าวหอมมะลิปกติหลายเท่า

   “โครงการนี้จะช่วยพัฒนาโรงสีข้าวอินทรีย์คุณภาพ เพื่อให้ได้มาตรฐานของห่วงโซ่อุปทานเกษตรอินทรีย์ทั้งระบบ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีการปลูกข้าวอินทรีย์จะส่งโรงสีมาให้คัดเลือกเหลือ 12 จังหวัด เพื่อให้สามารถเป็นโรงสีเกษตรอินทรีย์ดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้”นางอรรชกา กล่าว

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!