- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Sunday, 05 July 2015 08:35
- Hits: 2246
กอช.ไฟเขียวแผนแม่บทการเพิ่มประสิทธิภาพภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนปี 59-64
ที่ประชุมคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ(กอช.) ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบแผนแม่บทการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม พ.ศ.2559-2564 เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลก และสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยให้ความสำคัญและสร้างความสมดุลการเติบโตระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ จากการศึกษาของ IMD พบว่าอันดับผลิตภาพของประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ในปี 2558 อันดับผลิตภาพของไทยโดยรวมอยู่ในอันดับที่ 55 จาก 61 ประเทศ โดยผลิตภาพอุตสาหกรรมอยู่ในอันดับที่ 51 นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงความสามารถในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ก็พบว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีมากนัก คือ ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอยู่ในลำดับที่ 44 และด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์อยู่ในลำดับที่ 47 ประกอบกับการมีปัจจัยความท้าทายใหม่ๆ ที่ประเทศไทยและภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญ อาทิ สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนาเข้าสู่สังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม และปัญหาการติดอยู่ในกับดักกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง ทำให้มีความจำเป็นต้องมีแนวทางในการรองรับ
โดยแผนแม่บทฯ มีเป้าประสงค์ 4 ประการคือ 1.ผลิตภาพรวม(TEP) มีอัตราการเติบโตร้อยละ 3 ต่อปี 2.ผลิตภาพแรงงานมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5 ต่อปี 3.มีระดับความสำเร็จของกลุ่มเครือข่าย และ 4.อัตราความพึงพอใจเฉลี่ยต่อบริการภาครัฐมากกว่าร้อยละ 80 โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันจากหลายภาคส่วน และเพื่อให้การดำเนินการตามแผนแม่บทฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงเห็นควรให้ กอช. ดูแลกำกับการดำเนินการภายใต้แผนแม่บทดังกล่าว
"มติที่ประชุม กอช.ให้ความเห็นชอบหลักการของแผนแม่บทฯ โดยเห็นควรให้มีกลไกขับเคลื่อนโดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs เข้าร่วมการพัฒนาประสิทธิภาพและนวัตกรรม และให้เสนอ กอช.ในครั้งต่อไป" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
การบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการโดย กอช.เป็นกลไกสำคัญต่อไปที่กระทรวงอุตสาหกรรมจะใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรม ภายใต้การบูรณาการของทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศมีการพัฒนาอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในระยะยาว
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับกระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองตั้งคณะทำงานหารือแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านผังเมืองที่มีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี
ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เนื่องจากการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและเกิดปัญหาสังคมตามมา ซึ่งทำให้ประเทศชาติต้องสูญเสียงบประมาณและยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร การมีแผนแม่บทการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในพื้นที่อุตสาหกรรม 5 จังหวัดนำร่อง เพื่อผลักดันสู่การปฏิบัติโดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จึงถือเป็นจุดเริ่มของการแก้ปัญหาดังกล่าว ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของประเทศเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมให้มีความสมดุลกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม
และเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นแกนในการจัดทำแผนแต่ละชนิดแร่อย่างละเอียดตามแผนพัฒนาแร่เศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ทองคำ โพแทช ควอตซ์ เหล็ก และถ่านหิน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้ศึกษาพิจารณาประโยชน์และผลกระทบอย่างรอบด้านจากการลงทุนแร่ทั้ง 5 ชนิด และวางแผนการพัฒนาให้ชัดเจนสอดคล้องกับความต้องการเศรษฐกิจ และชุมชน เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก โพแทช และควอตซ์ จะพัฒนาอย่างไรให้เกิดต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับเศรษฐกิจและประชากรในพื้นที่ และนำเสนอ กอช. เห็นชอบก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี
อินโฟเควสท์