- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Thursday, 14 May 2015 11:40
- Hits: 2254
กลุ่มมิตรผล วางงบ 18,000 ล้านลงทุนปีนี้ ขยายกำลังผลิตน้ำตาล-พลังงาน
แนวหน้า : นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล เปิดเผยว่า บริษัทได้เตรียมงบในปี 2558 นี้ไว้ 18,000 ล้านบาท สำหรับใช้ลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้ขยายกำลังการผลิตโรงงานน้ำตาล และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการลงทุนในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการลงทุนจำนวนมาก แต่ยังไม่มีแผนที่จะระดมทุนด้วยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพราะยังมีเงินลงทุนเพียงพอในการขยายงานและมีศักยภาพในการกู้จากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ เงินลงทุนดังกล่าว แบ่งเป็น การลงทุนในกลุ่มธุรกิจส่งเสริมและพัฒนาอ้อย 159 ล้านบาท, การลงทุนในกลุ่มธุรกิจน้ำตาล 8,070 ล้านบาท (ใช้ขยายกำลังการผลิตของโรงงานในภาคอีสาน 7,800 ล้านบาท และจัดกิจกรรมการตลาด 205 ล้านบาท), การลงทุนในกลุ่มธุรกิจวัสดุทดแทนไม้ 2,900 ล้านบาท
ส่วนกลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียนจะใช้งบลงทุน 3,940 ล้านบาท แบ่งเป็นการสร้างโรงไฟฟ้ามิตรผลไบโอ-เพาเวอร์ จังหวัดกาฬสินธุ์ 45 เมกะวัตต์ และสร้างโรงงานผลิตเอทานอลมิตรผล ไบโอฟูเอลกาฬสินธุ์ 2 กำลังการผลิต 82 ล้านลิตรต่อปี โดยทั้ง 2 โรงงานใช้เงินลงทุน 2,700 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนอีก 1,240 ล้านบาท จะใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าในภาคใต้ ที่ใช้ไม้ยางที่หมดอายุมาผลิตไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์ การลงทุนโซลาร์ฟาร์ม 2 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกอ้อยได้ และลงทุนสร้างอาหารสัตว์ Fodder Yeast 9,000 ตันต่อปี
สำหรับ เงินที่จะใช้ลงทุนในต่างประเทศอยู่ที่ 2,740 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้การลงทุนในจีน 2,100 ล้านบาท โดยจะเป็นการเพิ่มจำนวนการขนถ่ายอ้อยจากสถานีขนถ่ายเพิ่มเป็น 270 ตันต่อวัน ในปี 2558 จากปี 2557 ที่สามารถขนถ่ายอ้อยได้ 134 ตันต่อวัน นอกจากนี้ยังจะใช้ขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าในจีนเป็น 64 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 32 เมกะวัตต์ และลงทุนในออสเตรเลีย 600 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายปริมาณการหีบอ้อยเพิ่มเป็น 536 ตันต่อวัน จากเดิมที่ 503 ตันต่อวัน
นายกฤษฎากล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2558 ที่ระดับ 89,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีรายได้ 84,000 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการหีบอ้อยที่เพิ่มขึ้นเป็น 20.67 ล้านตันต่อปี จากปี 2557 อยู่ที่ 20.13 ล้านตันต่อปี และกำลังการผลิตน้ำตาลของบริษัทที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.4 ล้านตันต่อปี จากปี 2557 อยู่ที่ 2.3 ล้านตันต่อปี
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลที่ยังอยู่ในระดับต่ำและไม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นนั้น ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อรายได้ของบริษัทอยู่ โดยปัจจุบันราคาน้ำตาลในตลาดอยู่ที่ 13 เหรียญสหรัฐต่อปอนด์ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทในช่วง 1-2 ปีนี้จะเติบโตไม่มากนัก เฉลี่ยอยู่ที่ 7% ต่อปี ลดลงจากช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา ที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 20% แม้จะมีปัจจัยลบด้านราคาน้ำตาลที่อยู่ในระดับต่ำ แต่การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ช่วยให้การส่งออกของบริษัทเติบโตอย่างมาก ส่วนในปี 2559 คาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะสามารถแตะระดับ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเร็วกว่าเป้าที่เคยคาดว่าจะเป็นปี 2560 ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ 60-70% ของรายได้รวมมาจากธุรกิจน้ำตาล และอีก 30-40% มาจากกลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียน