- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Tuesday, 03 March 2015 00:46
- Hits: 2285
ก.อุตฯจับตาราคาน้ำตาลตลาดโลก ทำสถิติต่ำสุดที่ 13.79 เซ็นต์
แนวหน้า : ก.อุตฯจับตาราคาน้ำตาลตลาดโลก ทำสถิติต่ำสุดที่13.79 เซ็นต์ หวั่นกระทบฐานะกองทุน
แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังติดตามสถานการณ์ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ล่าสุดราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2559 ราคาได้ทำสถิติต่ำสุดที่ระดับ 13.79 เซ็นต์ต่อปอนด์ เนื่องจากค่าเงินของบราซิลอ่อนค่าลง ส่งผลให้สามารถระบายน้ำตาลทรายออกสู่ตลาดในระดับราคาที่ต่ำได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำตาลทรายที่ต่ำดังกล่าว หากเฉลี่ยทั้งปีไม่ถึงระดับ 18 เซ็นต์ต่อปอนด์ จะกระทบต่อฐานะกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ในการเป็นเครื่องมือรัฐที่จะดูแลเสถียรภาพราคาอ้อยในฤดูการผลิตปี 2558/59 ให้กับชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ
“ราคาน้ำตาลในตลาดโลกเฉลี่ยลงมา 13-14 เซ็นต์ต่อปอนด์ ขณะนี้ถือว่าต่ำมาก สิ่งที่เรากังวลคือ ขณะนี้ชาวนาหันมาปลูกอ้อยมากขึ้น จากนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมให้เปลี่ยนพื้นที่นาบางส่วนมาปลูกอ้อยแทน ทำให้ชาวไร่อ้อยเพิ่มขึ้น แต่ราคาอ้อยมีแนวโน้มจะตกต่ำ หากระดับราคาตลาดโลกเป็นเช่นนี้ และเมื่อดูฐานะกองทุนก็มีทิศทางที่จะอ่อนแอจากภาระหนี้ที่มีทิศทางจะสูงขึ้นมากในอนาคต การจะดูแลค่าอ้อยให้ชาวไร่เหมือนอดีตที่ผ่านๆ มาอาจไม่ง่ายนัก”แหล่งข่าวกล่าว
โดยปัจจุบันรัฐประกาศราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2557/58 อยู่ที่ 900 บาทต่อตัน แต่ล่าสุดคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ได้เห็นชอบในหลักการที่มอบหมายให้กองทุนไปพิจารณาการจัดทำรายได้และรายรับ เพื่อประกอบการพิจารณาขอสนับสนุนแหล่งเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นอีก 160 บาทต่อตัน หรือจะต้องใช้เงินกู้ 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งกองทุนจะได้หารือร่วมกับธ.ก.ส.ในสัปดาห์นี้ ก่อนสรุปเพื่อเสนอไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมในการนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ฐานะกองทุนปัจจุบัน มีหนี้ที่จะต้องชำระจากการกู้ธ.ก.ส.เพิ่มราคาอ้อยของเดิมอีก 8,000 ล้านบาท กำหนดชำระหมดช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558 ดังนั้นหากครม.อนุมัติให้กู้ธ.ก.ส.อีก 1.6 หมื่นล้านบาท ก็จะส่งผลให้มีภาระเงินกู้รวม 2.4 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยรายได้จากการปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย 5 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ที่ไหลเข้ากองทุนเพื่อนำไปชำระหนี้แต่ละเดือน จะชำระหมดประมาณเดือนเมษายน 2560
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2557/58 ค่อนข้างชัดเจนว่าราคาจะต่ำกว่าขั้นต้นที่ประกาศไว้ 900 บาทต่อตัน เพราะราคาดังกล่าวคำนวณจากราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกที่ระดับ 18 เซ็นต์ต่อปอนด์ แต่ขณะนี้ราคาได้ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จากการคำนวณในเบื้องต้นราคาเฉลี่ยน้ำตาลทรายดิบที่บริษัท อ้อยและน้ำตาลทรายไทย (อนท.) ขายล่วงหน้าไปนั้น ได้มีทิศทางจะทำราคาเฉลี่ยสูงสุดเพียง 16 เซ็นต์ต่อปอนด์เท่านั้น ซึ่งตามกฎหมาย กองทุนจะต้องเป็นผู้จ่ายคืนโรงงาน ซึ่งประเมินว่าราคาขั้นสุดท้ายจะติดลบกว่า 5,000-8,000 ล้านบาท
“ถ้ามีวงเงินดังกล่าวมาเพิ่ม ภาระกองทุนทั้งหมดจะอยู่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท การชำระหนี้ก็จะยาวออกไปอีก แต่ปัญหาคือ แล้วถ้าราคาอ้อยฤดูการถัดไปตกต่ำอีก จะทำอย่างไร จะเอาเงินที่ไหนมาชำระหนี้”แหล่งข่าวกล่าว