- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Thursday, 19 February 2015 21:47
- Hits: 2067
สศอ.ชี้อีก 3 ปีอุตฯไทยขยายตัว แนวโน้มเพิ่มแรงงานกว่า 3 ล้านคน
แนวหน้า : นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการแรงงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า ตั้งแต่ปี 2558-2560 ใน 5 อุตสาหกรรมหลักที่มีการจ้างงานสูงจะมีความต้องการแรงงานรวมสูงกว่า 3,268,000 คน ภายใต้ปัจจัยจากยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) และปัจจัยพื้นฐานการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อยละ 4 ซึ่งเชื่อว่า เศรษฐกิจในปี 2559 และ 2560 หากไม่มีปัจจัยเสี่ยง จะทำให้เกิดการขยายตัวมากกว่าในปีนี้
โดยอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม พบว่ามีความต้องการสูงเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 1,310,000 คน ตั้งแต่กระบวนการผลิตทางการเกษตร รองลงมาคือ อุตฯ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 885,000 คน ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 470,000 คน ยานยนต์และชิ้นส่วน 430,000 คน และอุตฯ เครื่องจักรกลและอุปกรณ์ 173,000 คน โดยในหลายภาคการผลิตจะอาศัยแรงงานต่างด้าวเข้ามาทดแทนความต้องการแรงงาน ขณะที่อัตราการว่างงานภายในประเทศ อยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6-0.8 ซึ่งที่ผ่านมา อัตราการว่างงานของไทย ไม่เคยมีสัดส่วนการว่างเกินร้อยละ 1
สศอ.คาดอีก 3 ปีแรงงานต่างด้าวทะลัก แนะภาคอุตฯพัฒนาทักษะฝีมือเพิ่มประสิทธิภาพ
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า จากการคาดการณ์เบื้องต้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2558 – 2560) ความต้องการแรงงานใน 5 สาขาอุตสาหกรรมหลักที่มีการจ้างงานสูง ดังนี้ 1. อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 430,000 คน 2. อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 470,000 คน 3. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม 1,310,000 คน 4. อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ 173,000 คน 5. อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 885,000 คน
จากข้อมูลเบื้องต้น สะท้อนให้เห็นว่าในอนาคตภาคอุตสาหกรรมของไทยยังคงมีความต้องการแรงงานอย่างมาก ซึ่งในหลายภาคการผลิตได้อาศัยแรงงานต่างด้าวเข้ามาทดแทนความต้องการแรงงาน ประกอบกับแนวโน้มของโครงสร้างประชากรไทยที่มีอัตราการเกิดต่ำ และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ทำให้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีมาตรการในการรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในทุกระยะ
โดยในระยะสั้น มี 2 มาตรการ คือ 1) ฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพทักษะฝีมือแก่แรงงานใหม่ก่อนเข้าทำงาน หรือกำลังจะเข้าสู่การทำงานให้มีความรู้ ความสามารถในการทำงาน หรือมีสมรรถนะเพิ่มขึ้นในแต่ละสาขาอาชีพ และสอดคล้องกับความต้องการกับภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งลดปัญหาความไม่สอดคล้องของแรงงานกับความต้องการของตลาด (Skill Mismatch) เนื่องจากตลาดขาดแคลนแรงงานมีฝีมือและประสบการณ์ โดยเฉพาะแรงงานช่างระดับอาชีวะ ในขณะที่แรงงานจบใหม่ส่วนใหญ่นิยมการศึกษาระดับปริญญาตรี
และ 2) สนับสนุนโรงงาน/สถานประกอบการมีส่วนร่วมในนโยบายส่งเสริม Talent Mobility ที่ได้รับการผลักดันจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจากนโยบายดังกล่าวส่งเสริมให้บุคลากร/นักวิจัยของหน่วยงานภาครัฐไปปฏิบัติงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในภาคเอกชน โดยบุคลากร/ นักวิจัยจะได้สัมผัสกับการปฏิบัติจริงและได้พบปัญหา สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้แก่นักศึกษา ในขณะที่ภาคเอกชนจะได้บุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาร่วมทำวิจัยและพัฒนาเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์
สำหรับ ระยะกลางและระยะยาว ประกอบด้วย 3 มาตรการ ได้แก่ 1) เพิ่มประสิทธิภาพหรือความสามารถของแรงงาน ทั้งทางตรงคือการอบรมเพิ่มทักษะและการศึกษา และทางอ้อมโดยการใช้เครื่องจักรหรือเทคโนโลยีเข้ามาช่วย โดยผู้ประกอบการไทยจะต้องยกระดับการผลิต เปลี่ยนจากการพึ่งพาแรงงานไร้ฝีมือราคาถูก มาเป็นแรงงานที่มีความชำนาญด้านเครื่องจักร เพื่อมุ่งสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น 2) สนับสนุนให้มีการลงทุนใน 3 ด้านคือ การลงทุนในเครื่องจักร การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการลงทุนพัฒนาแรงงานด้านทักษะและการศึกษา เพื่อสร้างแรงงานที่มีผลิตภาพสูงและสร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
และ 3) ควรมีการจัดทำยุทธศาสตร์การผลิตและพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่ชัดเจน เพื่อลดปัญหาความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานด้านกำลังคนในภาคอุตสาหกรรมทั้งในระดับภาพรวมและราย สาขาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะสาขาที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ รวมทั้งเป็นแนวทางในการจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนในเทคโนโลยีเครื่องจักรและแรงงาน และมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน 2554 – 2555
โดยในปีงบประมาณ 2558 สศอ.จะดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบ LEED-X+ เพื่อให้มีความทันสมัยและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้สามารถพยากรณ์ความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้ละเอียดชัดเจนรอบด้าน สำหรับใช้เป็นฐานข้อมูลด้านแรงงานที่สมบูรณ์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ในการวางแผนงาน และดำเนินธุรกิจต่อไป
นายอุดม กล่าวเพิ่มเติมว่า ฐานข้อมูลที่ สศอ. ใช้ในระบบ LEED-X+ ณ ปัจจุบัน เป็นฐานข้อมูลในปี 2554 – 2555 โดยในปีงบประมาณ 2558 สศอ.จะดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบ LEED-X+ ซึ่งจะทำให้สามารถพยากรณ์ความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้ละเอียดชัดเจนรอบด้าน สำหรับใช้เป็นฐานข้อมูลด้านแรงงานที่สมบูรณ์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ในการวางแผนงาน และดำเนินธุรกิจต่อไป
อินโฟเควสท์