- Details
-
Category: อุตสาหกรรม
-
Published: Sunday, 15 February 2015 16:29
-
Hits: 2169
ทิศทาง SMEs ไทยเดือน ธ.ค. และรอบปี 2557 ดีขึ้น
สถานการณ์SMEs ไทย เดือน ธ.ค. และรอบปี 2557 มีทิศทางดีขึ้น การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.85และ 8.15 กลุ่มสหภาพยุโรปเป็นตลาดหลักที่ขยายตัวสูงสุด ผลจากการยกเลิก GSP และมาตรการ QE โดยมีน้ำตาลเป็นสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพสูงสุด เชื่อมั่นปี 2558 แนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยบวกมาจากการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ของภาครัฐ-เอกชน และสถาบันการเงิน รวมทั้งการปรับตัวดีขึ้นของสถานการณ์ท่องเที่ยว การบริโภค-การลงทุนภาคเอกชน และราคาน้ำมัน
ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)เปิดเผยว่า จากการที่ สสว. ดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์ SMEs ประจำเดือนธันวาคม และรอบปี 2557 (ม.ค.-ธ.ค.) พบว่า สถานการณ์โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายปีเป็นต้นมา เนื่องจากการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าสำคัญส่งผลให้การส่งออกสินค้าของ SMEs ไทย เพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นโดยเดือน ธ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน2.84 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่องผนวกกับการปรับโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมัน รวมถึงราคาพลังงานต่างๆ ลดลง ช่วยให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนดำเนินกิจการลดลง
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของ SMEs ในปี 2558 จะขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของ SMEs (SMEsLeading Economic Index) ณ เดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ111.03 เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ 0.32และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี2557 เป็นต้นมา การส่งเสริม SMEs ของหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เช่น การส่งเสริมการลงทุน การสร้างโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน การสนับสนุนแหล่งเงินทุน SMEs ฯลฯ และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยแนวโน้มที่ดีขึ้นนี้สะท้อนได้จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตรถยนต์นั่งขนาด1,501-1,800 CC รถปิคอัพ รวมถึงพาหนะเพื่อการพาณิชย์ และพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาต
สำหรับการค้าระหว่างประเทศของ SMEs พบว่า การส่งออกในเดือน ธ.ค. มีมูลค่า 154,983 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่ก่อนร้อยละ5.85 และหดตัวลงจากเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ 1.27 ขณะที่รอบปี 2557 การส่งออกมีมูลค่า1,917,192 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.15 ตลาดหลักที่SMEs ไทยส่งออกสินค้ามากที่สุดในรอบปี2557 ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่า 509,437 ล้านบาท รองลงมาคือ จีน มูลค่า 233,943 ล้านบาท กลุ่มสหภาพยุโรป มูลค่า 198,399 ล้านบาท ญี่ปุ่น มูลค่า 185,167 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่า 149,634ล้านบาท ทั้งนี้ พบว่าการส่งออกไปทุกตลาดหลักขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ร้อยละ 3.61-14.72 โดยมีกลุ่มสหภาพยุโรป เป็นตลาดที่ขยายตัวสูงที่สุด ผลจากมีการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนที่จะมีการยกเลิกให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (GSP) กับไทยในปี 2558 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มสหภาพยุโรป (มาตรการ QE) ด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในยูโรโซนขยายตัวดีขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าของSMEs ในระยะยาว
สำหรับ สินค้าที่มีการส่งออกสูงสุดในเดือน ธ.ค.และรอบปี 2557 ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ รองลงมาคือ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ และยานยนต์และส่วนประกอบ โดยหมวดสินค้าสำคัญที่มีการขยายตัวสูงมากตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นมา คือ น้ำตาล ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 98.1ทั้งในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน และไต้หวัน ผลจากที่หลายประเทศหันมานำเข้าน้ำตาลจากไทยมากขึ้น ทดแทนผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่อย่างบราซิลซึ่งมีผลผลิตลดลง
ส่วนการนำเข้าของSMEs เดือน ธ.ค. มีมูลค่า 177,347 ล้านบาท หดตัวลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนและเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ 3.44 และ 13.06ตามลำดับ ขณะที่รอบปี 2557 การนำเข้ามีมูลค่า 2,216,015 ล้านบาท หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ7.26 ตลาดที่SMEsนำเข้าสินค้าในรอบปี2557 สูงสุด ได้แก่ จีน มูลค่า 618,034 ล้านบาท รองลงมา คือ ญี่ปุ่น มูลค่า 328,789ล้านบาท กลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่า 309,606 ล้านบาท กลุ่มสหภาพยุโรป มูลค่า 261,053 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา มูลค่า 144,478 ล้านบาทสินค้าที่ SMEs นำเข้าสูงสุดในเดือน ธ.ค. และรอบปี 2557 ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อัญมณีและเครื่องประดับ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก เหล็กและเหล็กกล้า ตามลำดับ
ในด้านการจัดตั้งและยกเลิกกิจการเดือน ธ.ค. 2557 พบว่า กิจการที่จดทะเบียนจัดตั้งใหม่มีจำนวน 3,321 ราย ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 14.28 แต่หดตัวลงเมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ 24.90 ซึ่งกิจการที่จัดตั้งใหม่มีทุนจดทะเบียนมูลค่า31,387 ล้านบาท หดตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาร้อยละ 7.17 และ 12.59 ส่วนในรอบปี2557 มีกิจการจัดตั้งใหม่ 59,468 ราย หดตัวลงเมื่อเทียบกันปีก่อนร้อยละ 11.67 โดยทุนจดทะเบียนมีมูลค่า 281,123 ล้านบาท หดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ร้อยละ 25.78 ประเภทกิจการที่จัดตั้งใหม่สูงสุดในเดือน ธ.ค. ได้แก่ ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เพื่อพักอาศัย ภัตตาคาร/ร้านอาหาร ผลิตไฟฟ้า และให้คำปรึกษาด้านการตลาด ตามลำดับ
ส่วนการจดทะเบียนยกเลิกกิจการในเดือน ธ.ค. มีจำนวน 5,040 ราย ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนและเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ร้อยละ 9.99 และ 142.19 โดยทุนจดทะเบียนของกิจการที่ยกเลิกมีมูลค่า14,244 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ6.05 และ 55.09 ส่วนในรอบปี 2557 มีกิจการที่ยกเลิกรวม 18,968 ราย ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ8.79 โดยทุนจดทะเบียนของกิจการที่ยกเลิก มูลค่า 75,977 ล้านบาท หดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ23.05 ประเภทกิจการที่ยกเลิกมากที่สุดในเดือน ธ.ค. ได้แก่ ขายสลากกินแบ่ง ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เพื่อพักอาศัย การให้คำปรึกษาด้านการจัดการ และขายส่งเครื่องจักร ตามลำดับ
สสว.มั่นใจปีนี้‘เอสเอ็มอี’ฟื้นตัว หลังปี’57ปิดกิจการไป18,968ราย
แนวหน้า : สสว. เชื่อปีนี้ธุรกิจ'เอสเอ็มอี'ดีขึ้นต่อเนื่อง รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล ท่องเที่ยว การบริโภค-การลงทุนภาคเอกชนดีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันลง
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ SMEs ประจำเดือนธันวาคม และรอบปี 2557 (ม.ค.-ธ.ค.) ว่า สถานการณ์โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้นนับตั้งแต่ช่วงปลายปีเป็นต้นมา เนื่องจากการฟื้นตัวของประเทศคู่ค้าสำคัญส่งผลให้การส่งออกสินค้าของ SMEs ไทย เพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นโดยเดือน ธ.ค. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวน 2.84 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.76 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่องผนวกกับการปรับโครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมัน รวมถึงราคาพลังงานต่างๆ ลดลง ช่วยให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนดำเนินกิจการลดลง
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของ SMEs ในปี 2558 จะขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจของ SMEs (SMEs Leading Economic Index) ณ เดือน ธ.ค. อยู่ที่ระดับ 111.03 เพิ่มขึ้นจากเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ 0.32 และเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ซึ่งปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2557 เป็นต้นมา การส่งเสริม SMEs ของหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน รวมถึงสถาบันการเงิน เช่น การส่งเสริมการลงทุน การสร้างโอกาสและความสามารถในการแข่งขัน การสนับสนุนแหล่งเงินทุน SMEs ฯลฯ และแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยแนวโน้มที่ดีขึ้นนี้สะท้อนได้จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตรถยนต์นั่งขนาด 1,501-1,800 CC รถปิกอัพ รวมถึงพาหนะเพื่อการพาณิชย์ และพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาต
สำหรับ การค้าระหว่างประเทศของ SMEs พบว่า การส่งออกในเดือน ธ.ค. มีมูลค่า 154,983 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่ก่อนร้อยละ 5.85 แต่หดตัวลงจากเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาร้อยละ 1.27 ขณะที่รอบปี 2557 การส่งออกมีมูลค่า 1,917,192 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.15
ส่วนในรอบปี 2557 มีกิจการจัดตั้งใหม่ 59,468 ราย หดตัวลงเมื่อเทียบกันปีก่อนร้อยละ 11.67 โดยทุนจดทะเบียนมีมูลค่า 281,123 ล้านบาท หดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ร้อยละ 25.78 ประเภทกิจการที่จัดตั้งใหม่สูงสุดในเดือนธ.ค. ได้แก่ ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เพื่อพักอาศัย ภัตตาคาร/ร้านอาหาร ผลิตไฟฟ้า และให้คำปรึกษาด้านการตลาด ตามลำดับ
ขณะที่มีกิจการที่ยกเลิกรวม 18,968 ราย ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 8.79 โดยทุนจดทะเบียนของกิจการที่ยกเลิก มูลค่า 75,977 ล้านบาท หดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนร้อยละ 23.05 ประเภทกิจการที่ยกเลิกมากที่สุดในเดือน ธ.ค. ได้แก่ ขายสลากกินแบ่ง ก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เพื่อพักอาศัย การให้คำปรึกษาด้านการจัดการ และขายส่งเครื่องจักร ตามลำดับ