- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Tuesday, 06 January 2015 22:07
- Hits: 2450
กนอ.ลุยนิคมฯยางพารา อ้างชุมชนพื้นที่-เอกชนสนับสนุน
แนวหน้า : นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. เดินหน้าพัฒนาและจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมยางพาราที่จังหวัดสงขลา โดยเมื่อเดือนธันวาคม 2557 ได้ลงพื้นที่เปิดเวทีจัดกิจกรรมสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 ภายใต้โครงการ “โครงการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบนิคมอุตสาหกรรมยางพารา ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จ.สงขลา” โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ประกอบการ และผู้นำชุมชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ 12 ชุมชน อาทิชุมชนบ้านทุ่งรื่น ชุมชนบ้านหลุมหัวล้าน ชุมชนบ้านไร่อ้อย ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดตั้งนิคมฯยางพารา เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
เบื้องต้นภาคชุมชนต้องการให้ผู้พัฒนานิคมฯดำเนินงานในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.การบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมภายในนิคมฯที่จะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชนที่อยู่บริเวณรอบนิคมฯ ทั้งกลิ่น ฝุ่น และน้ำเสีย 2.นิคมฯต้องจัดตั้งระบบกองทุนด้านสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมให้บริการ ดูแล และเยียวยา ในกรณีหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน 3.จัดตั้งศูนย์พยาบาล โรงพยาบาล และหน่วยรถกู้ภัยให้พร้อมบริการ 4.ชุมชนในพื้นที่รอบนิคมฯจะต้องได้รับโอกาสในการเข้าสู่การทำงานในนิคมฯมากขึ้น และ 5.กนอ. จะต้องจัดกิจกรรมสัมมนารับฟังความคิดเห็นไปยังชุมชนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณรอบนิคมฯเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายการรับรู้อย่างทั่วถึง
ขณะที่ผู้ประกอบการเห็นด้วยกับการจัดตั้งนิคมฯ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม และมีศักยภาพสูง พร้อมรองรับอุตสาหกรรมยางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต อีกทั้งกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราส่วนใหญ่ กระจุกตัวอยู่ในภูมิภาคนี้หากการจัดตั้งนิคมฯแล้วเสร็จจะช่วยให้การซื้อยางพารามีเสถียรภาพดีขึ้น กนอ.ในฐานะผู้พัฒนานิคมฯจะนำไปประกอบการพัฒนาออกแบบจัดตั้งนิคมฯยางพาราต่อไป
การจัดตั้งนิคมฯ ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ระยะที่ 3 ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา พื้นที่ 755 ไร่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2558 แล้วเสร็จในปี 2560 ซึ่งการพัฒนาโครงการดังกล่าว คาดว่าจะช่วยให้ราคายางพาราดีขึ้น และช่วยเพิ่มมูลค่าก่อให้เกิดการลงทุนภาคอุตสาหกรรม 6,300 ล้านบาท มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น 100,000 ตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 3,700 ล้านบาท/ปี เกิดการจ้างงานโดยตรงในพื้นที่ 3,000 คน