- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Sunday, 28 December 2014 18:06
- Hits: 2425
โรงงานยางผ่านอนุมัติสนับสนุนสินเชื่อ 42 ราย
แนวหน้า : นายสมชาย หาญหิรัญ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง 10,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราประมาณ 42 ราย เข้ามาสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ และผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงแล้วมีวงเงินขอสินเชื่อรวมประมาณ 6,700 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงจะรวบรวมรายชื่อส่งไปยังธนาคารกรุงไทยครั้งสุดท้ายในวันที่ 30 ธันวาคม 2557 หากมีวงเงินเหลือ ก็จะนำมาพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มกับผู้ที่เข้าร่วมโครงการ มั่นใจว่าจะใช้วงเงินสินเชื่อได้ครบตามที่กำหนดไว้
“จากการประเมินจากทะเบียนโรงงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมแปรรูปยางพารามีจำนวน 94 ราย แต่ผ่านการคัดเลือก 42 ราย ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นสูงกว่า 51% ทำให้ไม่ตรงกับหลักเกณฑ์ที่กำหนด และบางส่วนไม่ต้องการกู้ ทั้งนี้คาดว่าท้ายที่สุดจะมีวงเงินสินเชื่อเหลืออยู่ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำมากระจายให้กับโรงงานที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มให้ครบ 10,000 ล้านบาท โดยจะพิจารณาตามศักยภาพการผลิตของเครื่องจักร และความสามารถในการเก็บสต๊อกยาง”นายสมชาย กล่าว
โดยหลังจากนี้ จะส่งรายชื่อโรงงานที่ผ่านการประเมินให้กับธนาคารกรุงไทย เพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อในแต่ละรายต่อไป ซึ่งคาดว่าผู้ประกอบการทั้งหมดจะได้รับสินเชื่อภายในไตรมาส 1 ปี 2558 โครงการนี้คาดว่าจะดูดซับยางพาราส่วนเกินออกจากระบบได้ประมาณ 2 แสนตัน จะช่วยยกระดับราคายางพาราได้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคายางพาราในปี 2558 จะสูงกว่านี้ เนื่องจากจะมีโรงงานแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่จากจีนเข้ามาตั้งโรงงานในไทยเพิ่มอีก 3-4 โรงงาน นอกจากนี้ยังมีการตั้งโรงงานและขยายกำลังการผลิตจากนักลงทุนไทยและชาติอื่นๆอีกหลายราย ประกอบกับคาดว่าราคาน้ำมันดิบไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ราคายางในตลาดโลกไม่น่าจะลดลงต่ำกว่านี้
สำหรับ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยางนี้ จะช่วยดูดซับยางพาราในช่วงที่ออกสู่ตลาดมากที่สุด คือ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2557-เมษายน 2558 เพื่อสนับสนุนโรงงานน้ำยางข้นให้มีเงินทุนหมุนเวียนมากขึ้น ในการรับซื้อน้ำยางดิบจากเกษตรกรโดยรัฐจูงใจด้วยการชดเชยดอกเบี้ยอัตรา 3% แก่ผู้ประกอบการในวงเงินชดเชย 300 ล้านบาท
