- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Thursday, 25 December 2014 18:50
- Hits: 2351
ทูตออสเตรเลีย ยกทีมหารือ‘จักรมณฑ์’ ขอเคลียร์นโยบายเศรษฐกิจไทย
แนวหน้า : ทูตออสเตรเลียยกทีมหารือ‘จักรมณฑ์’ ขอเคลียร์นโยบายเศรษฐกิจไทย สนใจลงทุนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
ทูตออสเตรเลียเข้าพบ “จักรมณฑ์” ขอทราบนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ชี้ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางอาเซียน สนใจลงทุนอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ เช็คความคืบหน้านโยบายเหมืองแร่ทองคำฉบับใหม่ ด้านอุตฯแจงเตรียมออกประกาศกลางปี’58 นักลงทุนไทย-เทศจ่อคิวกว่า 300 แปลง มูลค่าลงทุนกว่าหมื่นล้าน
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังนายพอล โรบิลลียาร์ด เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลีย ประจำประเทศไทยและคณะ เข้าพบเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2557 ว่า การพบครั้งนี้เป็นการเข้าพบตามปกติเพื่อแนะนำตัวของนายพอล โรบิลลียาร์ด ในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมทั้งหารือและขอทราบนโยบายของรัฐบาลไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในด้านการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม ด้านการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ด้านการพัฒนาแรงงานในภาคอุตสาหกรรมและด้านการสร้างห่วงโซ่อุปทานการผลิตในระดับภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมของการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอกชนออสเตรเลียเล็งเห็นประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่เป็นศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion) หรือ GMS ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพของไทยเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุน
โดยประเด็นที่ออสเตรเลียให้ความสนใจคือเรื่องการปรับนโยบายใหม่เหมืองแร่ทองคำ ภายใต้ พ.ร.บ.แร่ฉบับใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่ได้ให้อาชญาบัตร และประทานบัตรมากว่า 8 ปีแล้ว ซึ่งเราก็ได้ชี้แจงว่าในเดือนมกราคม 2558 จะมีการเปิดประชาพิจารณ์เกี่ยวกับ นโยบายอุตฯเหมืองแร่ และคาดว่าจะสามารถประกาศใช้นโยบายใหม่ได้ภายในกลางปี 2558 โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการทั้งไทย และต่างชาติรอนโยบายใหม่รวมกว่า 300 แปลง คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
สำหรับ นโยบายอุตฯเหมืองแร่ทองคำฯ ฉบับใหม่จะเน้นการให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ทั้งในการพิจารณาให้ใบอนุญาตสำรวจอาชญาบัตร และการให้ใบอนุญาตประทานบัตร รวมทั้งต้องมีการตั้งกองทุนดูแลความเสี่ยงของประชาชนในพื้นที่, ดูแลความปลอดภัย จากนโยบายฉบับปัจจุบันยังไม่เข้มข้นในเรื่องนี้มาก
รวมทั้งจะกำหนดให้ผู้ประกอบการที่ทำเหมืองแร่ทองคำ จะต้องตั้งโรงสกัดแร่ให้บริสุทธิ์ (รีไฟน์) ขึ้นในไทย จากปัจจุบันผู้ประกอบการจะส่งออกแร่ทองคำเป็นแท่งๆ ขนาดใหญ่ ไม่มีการรีไฟน์ ก่อนการส่งออก หากซึ่งมีการตั้งโรงรีไฟน์ในไทยแล้ว จะเกิดมูลค่าการลงทุนโรงงานละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และมีการจ้างงานประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่า
“ตอนนี้ไทยไม่ได้ให้ใบอนุญาตทำเหมืองทองคำมากว่า 8 ปีแล้วผู้ประกอบการก็รออยู่หลายราย โดยเฉพาะผู้ประกอบการจากออสเตรเลีย ซึ่งมีการลงทุนเหมืองแร่ทองคำในไทยอยู่แล้ว ซึ่งทางเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งในไทยได้ไม่นาน จึงให้ความสนใจเข้ามาสอบถาม ทางไทยก็ได้ชี้แจงไป รวมถึงชี้แจงพ.ร.บ.แร่ ฉบับใหม่ที่คาดว่าจะประกาศใช้ภายในปีหน้า ทางออสเตรเลียก็รับทราบและไม่ได้มีข้อกังวลอะไรต่อพ.ร.บ.ฯ และนโยบายทองคำใหม่” นายจักรมณฑ์กล่าว
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูต ยังระบุว่ามีความสนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ รวมทั้งได้เชิญชวนให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอุตฯ อาหาร, อุตฯการให้บริการ เช่น โรงแรมเข้าไปลงทุนในออสเตรเลีย เพราะไทยมีความโดดเด่นในอุตฯดังกล่าว