- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Thursday, 06 October 2022 17:22
- Hits: 1694
นายกฯ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนา 'ภาคอุตสาหกรรม' พร้อมยินดีกับ 57 องค์กร ที่คว้ารางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 65
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2565 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
. รัฐบาลให้ความสำคัญของภาคอุตสาหกรรมที่เป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับประเทศมากที่สุด และเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้เทคโนโลยีให้ก้าวหน้า สามารถกระจายออกไปสู่ภาคอื่นๆ ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืนและแข่งขันได้ในเวทีโลก
ภายในงาน นายกฯ ได้มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2565 (The Prime Minister’s Industry Award 2022) จำนวน 57 รางวัล ให้แก่สถานประกอบการที่มีความเป็นเลิศในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพลังงาน
. รวมถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรมประเทศ เพื่อเป็น ‘แบบอย่างที่ดี’ให้แก่กิจการอุตสาหกรรมอื่นๆ และเป็นกำลังใจให้ผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ประเทศ
57 ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ผงาด นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลรางวัลอุตสาหกรรมปี65
นายกรัฐมนตรี มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ.2565 (The Prime Minister's Industry Award 2022) แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชั้นนำของไทย 57 ราย ที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านตามประเภทรางวัลที่กำหนด 15 ประเภท พร้อมขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยรุ่นใหม่ที่ดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการตามแนวนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้มีศักยภาพในทุกด้าน ทั้งในด้านพลังงาน เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อลดต้นทุนของผู้ประกอบการ ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำภาคอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มีความรับผิดชอบต่อสังคม อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างสันติและมีความสุข
สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชน ล่าสุด ได้จัดให้มีการมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2565 (The Prime Minister's Industry Award 2022) ได้รับเกียรติจากท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานในการมอบรางวัลฯ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดต่อเนื่องทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ปีนี้นับเป็นปีที่ 30
"รางวัลอุตสาหกรรมมีเป้าหมายประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกระดับที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้าน ทั้งด้านคุณภาพ ความปลอดภัย การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พลังงาน ความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน รวมถึงการพัฒนานวัตกรรมสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อภาคอุตสาหกรรม ยกระดับขีดความสามารถในการผลิต การแข่งขันทางการค้า ซึ่งเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน”นายสุริยะกล่าว
ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้กระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานรางวัลอุตสาหกรรม มีสถานประกอบการผ่านการคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลจากนายกรัฐมนตรี รวมทั้งสิ้น 57 ราย รางวัล 15 ประเภท โดยทุกรายได้ผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากคณะทำงานแต่ละประเภทรางวัลอย่างเข้มงวดหลายด้าน แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 แสดงถึงความมุ่งมั่น วิริยะอุตสาหะในการพัฒนาศักยภาพตนเองอย่างต่อเนื่อง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยรางวัลทั้ง 15 ประเภท ประกอบด้วย
1.รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล คัดเลือกจากสถานประกอบการที่เคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 3 ประเภท และเป็นสถานประกอบการที่มีการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล และมีความเป็นเลิศทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการลงทุน มีการนำความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมทั้งนวัตกรรมมาใช้ในการเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของตนเอง และสามารถสร้างการพัฒนาให้กับอุตสาหกรรมในภาพรวมได้อย่างชัดเจน ซึ่งผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยมในปีนี้ ได้แก่ บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน)
2.รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น แบ่งออกเป็น 9 ประเภท ได้แก่ 1) ประเภทการเพิ่มผลผลิต 2) ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3) ประเภทการบริหารความปลอดภัย 4) ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 5) ประเภทการจัดการพลังงาน 6) ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน 7) ประเภทอุตสาหกรรมศักยภาพ 8) ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม และ 9) ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน มีผู้ประกอบการได้รับรางวัล จำนวน 36 ราย
3.รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1) ประเภทการบริหารจัดการ 2) ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ 3) ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม 4) ประเภทการบริหารธุรกิจสู่สากล และ 5) ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน มีผู้ประกอบการได้รับรางวัล จำนวน 20 ราย