- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Friday, 26 August 2022 18:59
- Hits: 5064
ดีพร้อม เดินหน้าเมกาโปรเจค ปั้นอาชีพดีพร้อม หมัดเด็ดแก้วิกฤตทรัพย์จาง ชู 4 หลักสูตรอุตสาหกรรมสร้างฐานรากยั่งยืน เล็งกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท
ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) คิกออฟโปรเจคยักษ์เพื่อการเสริมรากฐานความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจฐานราก ผ่านโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม หรือ อาชีพดีพร้อม ซึ่งได้รับการจัดสรรจากงบประมาณกลาง 1,249 ล้านบาท ผ่านการฝึกอบรมทักษะอุตสาหกรรมระยะสั้น 4 หลักสูตร ขยายผลความสำเร็จจาก 7 จังหวัดนำร่อง สู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศภายในปี 2565 คาดว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมากกว่า 12,000 ล้านบาท
ดร.ณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ปี โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เร่งเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งหนึ่งในแนวทางช่วยเหลือสำคัญ คือ การพัฒนาอาชีพเสริมเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่คนในชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในหลักการและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 งบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินงบประมาณ 1,249 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม หรืออาชีพดีพร้อม ในพื้นที่ทั่วประเทศ จำนวน 700,000 คน ใน 400 ชุมชน โดยดีพร้อมจะเดินหน้าจัดฝึกอบรมระยะสั้นตลอดเดือนสิงหาคม-กันยายน 2565 เป็นจำนวน 4 หลักสูตร ประกอบด้วย
• หลักสูตรการพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต เพื่อเป็นอาชีพเสริมและเพิ่มรายได้ให้แก่คนในชุมชนที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ โดยมีวิธีการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสอดคล้องกับวิถีชีวิต และความต้องการในแต่ละพื้นที่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 หมวด คือ หมวดที่ 1 ลดรายจ่าย อาทิ น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน สบู่เหลว ไม้กวาดดอกหญ้า ไม้กวาดทางมะพร้าว และหมวดที่ 2 เพิ่มรายได้ อาทิ การเพาะเห็ด การสกรีนกระเป๋าผ้า การทำไข่เค็ม การทำเหรียญโปรยทาน
• หลักสูตรการพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการบริการ เพื่อเป็นอาชีพเสริมและเพิ่มรายได้ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นช่างชุมชน หรือประกอบเป็นอาชีพเดิมอยู่แล้ว รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจพัฒนาทักษะให้เกิดความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเฉพาะทาง อาทิ กลุ่มอาชีพช่าง (ซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซ่อมรถ ซ่อมแอร์ ฯลฯ) กลุ่มอาชีพบริการ (ช่างเย็บผ้า ช่างตัดผม เชฟชุมชน ฯลฯ)
• หลักสูตรการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ในการสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่น น่าสนใจ สอดรับกับความต้องการของตลาด มีความเหมาะสมกับการขนส่ง เพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และสามารถกระจายสินค้าและบริการได้อย่างกว้างขวาง
• หลักสูตรการพัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงินและการประกอบธุรกิจ อาทิ การบริหารจัดการเงินในภาคครัวเรือน/ภาคธุรกิจ การจัดทำแผนธุรกิจ การบัญชี การตลาดการตลาดออฟไลน์และออนไลน์ สร้างแบรนด์ ลดต้นทุน พิชิตหนี้ และอื่นๆ ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันให้กับกลุ่มเป้าหมายและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ เพื่อเป็นการพัฒนาต่อยอดทักษะที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจ และเป็นการสร้างโอกาสให้เกิดผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ในชุมชน
โดยหลักสูตรทั้งหมดจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการมีรายได้เสริมอย่างมั่นคงให้กับชาวชุมชน อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมากกว่า 12,000 ล้านบาท
ดร.ณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้โครงการเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น ดีพร้อม ยังได้พัฒนา job.diprom เป็นระบบการรับสมัครสำหรับประชาชนเข้าร่วมโครงการที่สามารถรองรับการสมัครได้เป็นจำนวนมาก พร้อมระบบการจัดเก็บและการบริการจัดการข้อมูล (BIG DATA) สำหรับการรวบรวมและติดตามผลการดำเนินงาน ซึ่งนอกจากจะสะดวกต่อการประเมินผลแล้ว ยังสามารถใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการพัฒนาโครงการต่างๆ ของดีพร้อมในอนาคต เพื่อให้การส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน เป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ดีพร้อม ได้เดินหน้า “โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อม” ในหลักสูตรการพัฒนาทักษะอาชีพพื้นฐานด้านการผลิต ในพื้นที่ชุมชนเขตคลองสาน กรุงเทพฯ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว จำนวนทั้งสิ้น 400 คน
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้ชุมชนดีพร้อมทั่วประเทศในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความสำเร็จจากการดำเนินงานระยะนำร่องในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยนาท ชลบุรี สงขลา และยะลา ซึ่งประสบความสำเร็จสามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนรายได้จากการว่างงาน เพิ่มทักษะองค์ความรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากต้นทุนวัตถุดิบที่มีอยู่ในชุมชนให้สามารถนำไปประยุกต์เป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายรับในครัวเรือน ส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่เกิดการฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม ดร.ณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโครงการได้ที่ กองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2430 6882 หรือสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipromindustry, www.diprom.go.th
A81036