- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Wednesday, 26 November 2014 21:47
- Hits: 3519
การเมืองนิ่ง-เศรษฐกิจฟื้น-ส่งออกขยายตัว ดันอุตสาหกรรมปีหน้าโต 6%
แนวหน้า : 'จักรมณฑ์'มั่นใจปี’58 จีดีพีภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 6% หลังการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจในประเทศฟื้น และประเทศคู่ค้าดีขึ้น ดันส่งออกไทยขยายตัว ด้านสอท.แนะผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง อาทิ สินค้าเพื่อสุขภาพที่กำลังมาแรง
นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ'อนาคตเศรษฐกิจไทย หลังปฏิรูปอุตสาหกรรม'จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาว่าเศรษฐกิจไทย(จีดีพี) ปี 2558 จะสามารถขยายตัวดีขึ้นกว่าปีนี้ โดยจะเติบโตประมาณ 3-4% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกดีขึ้นและราคาน้ำมันลดลง
ขณะที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองยุติลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าปรับตัวดีขึ้นจะผลักดันให้การส่งออกของไทยดีขึ้นตามไปด้วย ประกอบกับการเดินหน้าโครงการลงทุนภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้ปรับตัวดีขึ้น บวกกับการขอรับส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติและไทยก็จะมีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน ก่อให้เกิดการจ้างงาน จึงคาดว่าจีดีพีอุตสาหกรรมไทยปีหน้าจะขยายตัว 6%
สำหรับ การปฏิรูปภาคอุตสาหกรรมไทยต้องดำเนินการใน 3 ส่วนพร้อมกัน ได้แก่ การประเมินศักยภาพอุตสาหกรรมของประเทศว่าอยู่ในระดับใด และเร่งปรับปรุงให้เป็นไปตามแนวทางที่วางไว้ การเชื่อมโยงอุตสาหกรรมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานมีความคล่องตัว และการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะแข่งขัน ซึ่งเป็นผลจากการวางนโยบายภาครัฐที่มีความเสถียรภาพและมีความต่อเนื่องส่งผลให้นักลงทุนวางแผนดำเนินโครงการระยะยาวได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่านโยบายประชานิยมบางส่วน อาทิ โครงการจำนำข้าวและโครงการรถยนต์คันแรก ส่งผลกระทบต่อทิศทางการวางนโยบายด้วยการทำให้เกิดอุปสงค์เทียม
ขณะเดียวกันไทยต้องเร่งแก้ไขกฎหมายให้สอดรับกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันซึ่งเมื่อนำมาเสริมกับจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ไทยอยู่ในอันดับต้นของภูมิภาค จะช่วยให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยสูงขึ้น โดยโครงสร้างพื้นฐานของไทยขณะนี้เป็นรองเพียงประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เท่านั้นแต่ยังเห็นสัญญาณดีที่จากการที่ไทยเร่งปรับปรุงระบบขนส่งทางรางและทางน้ำอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้อุตสาหกรรมไทยจะมีการพัฒนามากกว่าประเทศคู่แข่งแต่ยอมรับว่าเสน่ห์ลดลง เพราะเพื่อนบ้านที่เคยมีปัญหาขณะนี้มีความมั่นคงทางการเมือง และมีการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเข้ามาใกล้ประเทศไทยขณะที่ยุทธศาสตร์ ของนักลงทุนต่างชาติเองก็มีการกระจายความเสี่ยงไม่ได้มุ่งมาลงทุนประเทศไทยเหมือนในอดีต ดังนั้นเพื่อให้อุตสาหกรรมสามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับยุคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากผู้ประกอบการต้องปรับตัวแล้วภาครัฐจะต้องเข้าไปช่วยเหลือเป็นรายอุตสาหกรรม สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระหว่างการผลิตและการตลาด
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) กล่าวว่าขณะนี้อุตสาหกรรมไทยกำลังประสบปัญหาเรื่องการวิจัยพัฒนาโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) ที่แม้จะมีเทคโนโลยีแต่ไม่มีความรู้เรื่องการจดสิทธิบัตร ดังนั้นอยากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือ สนับสนุนอย่างเร่งด่วน ล่าสุดทราบว่าประเทศเวียดนามนำสินค้าของไทยไปจดสิทธิบัตรสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไทย จึงเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของอุตสาหกรรมไทยควรศึกษาตลาดโลกว่าประเภทใดกำลังได้รับความนิยม ซึ่งปัจจุบันสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพ กรีนโปรดักส์ บริการ กำลังได้รับความนิยม ดังนั้นควรผลิตสินค้าป้อนตลาดดังกล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ในช่วงเดือนธันวาคมนี้ รัฐบาลเตรียมเชิญสื่อมวลชนพูดคุยและชี้แจงถึงมาตรการทางด้านเศรษฐกิจที่จะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย พร้อมทั้งชี้แจงถึงแนวทางการดำเนินเศรษฐกิจของปีหน้าด้วย
สำหรับ มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นหนึ่งการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นอย่างดี ซึ่งรัฐบาลมีแนวคิดที่จะหามาตรการเสริม โดยขณะนี้ทางกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดทำ ‘นาโนไฟแนนซ์’ ให้เป็นแหล่งเงินกู้ของผู้มีรายได้น้อย อาจกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 3% ต่อเดือน หรือ 36% ต่อปี และอยู่ระหว่างติดต่อองค์กรเอกชนขนาดใหญ่เข้ามาร่วม คาดว่าเรื่องดังกล่าวจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในสิ้นปีนี้