- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Saturday, 28 December 2019 13:19
- Hits: 4302
วช. โชว์ผลงานเด่นปี 2562 มุ่งตอบโจทย์นโยบายประเทศไทย 4.0
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวผลการดำเนินงานของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปี 2562 'วช. นำไทยเชื่อมโลก' โชว์ผลงานเด่น ประจำปี 2562 และผลงานวิจัยที่พัฒนาต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่ม พร้อมเผยทิศทางการวิจัยและพัฒนาในปี 2563 เน้นตอบโจทย์ BCG มุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 และมอบประกาศนียบัตรเพื่อประกาศเกียรติคุณและแสดงความขอบคุณนักวิจัยที่เข้าร่วมงานประกวดและจัดแสดงในเวทีนานาชาติ ณ ห้องประชุมจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม กล่าวว่า อว. มีเป้าหมายการดำเนินงานที่สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ฉบับที่ 12) ด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม อย่างมีเอกภาพ และเป็นระบบ โดยกระทรวงฯ มียุทธศาสตร์ อววน. พื่อมุ่งเน้นการพัฒนาในด้านต่างๆ ได้แก่ การพัฒนากำลังคนและสถาบันความรู้ การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรม และการบริหารจัดการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนให้บุคลากรวิจัยและนวัตกรรม มีเส้นทางความก้าวหน้าและได้รับการยกย่องเชิดชูในระดับชาติและนานาชาติ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศทั้งในเชิงเศรษฐกิจ และสังคม ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก ในส่วนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศจนเกิดผลสำเร็จของการดำเนินงาน ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งสามารถตอบโจทย์ของสังคม
ตลอดจนสะท้อนให้เห็นถึงการพร้อมรับการปรับเปลี่ยนบทบาทที่สำคัญ เพื่อมุ่งขับเคลื่อนและผลักดันงานวิจัยและนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติ และสอดคล้องกับเป้าหมายความต้องการในการแก้ปัญหาและพัฒนาที่สำคัญของประเทศ ด้วยการใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในมิติของการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรม และการบูรณาการการทำงานร่วมกับเครือข่ายทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้นำนักวิจัย และนักประดิษฐ์ไทยไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ในการเข้าร่วมประกวดเวทีนานาชาติ นับเป็นโอกาสอันดีและความสำเร็จที่สำคัญยิ่งของนักวิจัยและประเทศไทย
ด้าน ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นหน่วยงานขับเคลื่อน และบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ อว. ในด้านการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม การพัฒนาเชิงพื้นที่ การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม และเกิดผลสัมฤทธิ์ มีผลการดำเนินงานที่เกิด impact สูงต่อเศรษฐกิจและสังคม มีการริเริ่มงานใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ปัญหาสำคัญของประเทศ โดย วช. มีความพร้อมและยกระดับการทำงานตามภารกิจใหม่ด้วยหลัก วช. 5G เป็นส่วนราชการที่มีประสิทธิภาพสูง รวดเร็ว คล่องตัว พร้อมขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม
บทบาท PMU ในการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นกลไลสำคัญในการบริหารงบประมาณการวิจัยและนวัตกรรม ตามยุทธศาสตร์ ววน. ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) และหน่วยบริหารจัดการทุนภายใต้สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประทศ (บพข.)
และหน่วยบริหารและจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่เฉพาะการให้ทุนเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงระบบในการบริหารจัดการทุนในปัจจุบัน และที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ถือเป็นมิติใหม่ของการบูรณาการทำงานร่วมกันของหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรม เป็นแบบ Streamline Process คือ ใช้ระบบ Online 100% มีกลไก Outcome Delivery Units (OUD) เชื่อมโยงการทำงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกกระทรวง เป็นการให้ทุนแบบ Program Funding และ Matching fund กับภาคเอกชน รวมถึงมีการติดตาม ประเมินผล โดยทุกภารกิจมีการเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน
นอกจากการบริหารงบประมาณการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศแล้ว การพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ได้มีการบริหารจัดการเพื่อให้เกิดการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยฯ ที่ตอบเป้าหมายประเทศ มีกลไกการสร้างแรงจูงใจ ทั้งในเชิงการให้รางวัลแก่นักวิจัยในทุกช่วงวัย ตั้งแต่นักวิจัยรุ่นเยาว์ นักวิจัยรุ่นใหม่ นักวิจัยรุ่นกลาง และนักวิจัยอาวุโส โดยมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนนักวิจัยไม่น้อยกว่า 25 คน ต่อประชากร 10,000 คน ในปี 2564 และ 60 คน ต่อ 10,000 คน ในปี 2579
เรื่องฐานข้อมูลกลางการวิจัยของประเทศ วช. พร้อมเป็นศูนย์กลางข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมระดับชาติและนานาชาติกับระบบสารสนเทศของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนพัฒนาระบบประมวลผลอัจฉริยะ และ Artificial Intelligent (AI) ที่สามารถแสดงผลได้ทุกมิติในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสนับสนุน การตัดสินใจเชิงบริหาร และการใช้ข้อมูลร่วมกัน โดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อตอบสนองต่อการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกต่อใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัย
การดำเนินงานระบบข้อมูลสารสนเทศกลางด้าน ววน. ในปีงบประมาณ 2562 ได้มีการดำเนินงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางข้อมูลวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ โดยการกำหนด Road Map และ Time line ในการดำเนินงาน รวมถึงมาตรฐานและชุดข้อมูลเพื่อการเชื่องโยง และออกแบบระบบฐานข้อมูลกลางและระบบให้บริการข้อมูล โดยคาดหวังว่าเมื่อศูนย์กลางข้อมูล ววน. ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์จะเกิดประโยชน์ต่อประชาคมในระบบวิจัยวิจัยไทยใช้ได้จริง
วช. ได้สนับสนุนและส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี สามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของประเทศไทยได้ อาทิ
- • โครงการธนาคารปูม้าเพื่อ 'คืนปูม้าสู่ทะเลไทย' โดยการขับเคลื่อนแผนบูรณาการให้เกิดการวิจัยและนวัตกรรมรวมถึงการขยายผลธนาคารปูม้าไปสู่ชุมชน สามารถเพิ่มทรัพยากรในทะเลให้มากขึ้น ทำให้ชาวประมงมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ปัจจุบันมีการขยายผลธนาคารปูม้าไปแล้วจำนวน 531 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนชายฝั่ง 20 จังหวัด
- • ระบบข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเบ็ดเสร็จ เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) เครือข่ายพันธมิตรมหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัย กับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จัดทำ Platform ที่มีการตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีความถูกต้อง แม่นยำ เป็นมาตราฐานเดียวกัน
- • การปลดล็อคส่งออกมะม่วงไปสหรัฐอเมริกา เป็นความสำเร็จในส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองไทยไปยังตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี จากเดิมประเทศไทยมีปัญหาการส่งออกมะม่วงสุกเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีการบริหารจัดการวัตถุดิบครบวงจร จนได้คุณภาพดีตามข้อกำหนดเพื่อให้แน่ใจว่าผลไม้ที่นำเข้าประเทศจะปลอดภัยและไม่มีเชื้อโรคหรือแมลงพาหะปนเปื้อน ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ BCG Model โดยประเทศไทยสามารถส่งออกมะม่วงล็อตแรกแล้วเมื่อวันที่ 17 – 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ผลงานวิจัยไทยคว้ารางวัลระดับโลกการสนับสนุนสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเข้าสู่เวทีนานาชาติเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สำคัญ ของ วช. ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้ผลงานวิจัยและผลงานประดิษฐ์คิดค้นของนักวิจัย นักประดิษฐ์ไทย ได้ก้าวสู่เวทีระดับสากลอันจะเป็นการสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับนักวิจัย นักประดิษฐ์นานาชาติ และพัฒนายกระดับศักยภาพของนักวิจัย นักประดิษฐ์ไทย ตลอดจนการสร้างขวัญกำลังใจ ที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดโลกให้มากยิ่งขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาปรากฏผลสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง และได้รับความสนใจจากนานาประเทศเป็นอย่างยิ่ง
ด้านมาตราฐานการวิจัยระดับสากล วช. ยกระดับมาตราฐานห้องปฏิบัติการ สู่การขับเคลื่อนมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อสร้างการยอมรับในระดับสากล โดยมีห้องปฏิบัติการที่ผ่านการตรวจประเมินและรับรองห้องปฏิบัติการปลอดภัยเพื่อการยอมรับร่วม (peer evaluation) จำนวน 240 ห้องปฏิบัติการ และบุคคลากรได้รับการพิจรณา ประกอบด้วย มีผู้ประเมิน มอก. 41 คน และผู้ประเมินตามเกณฑ์ (peer evaluation) 57 คน
โครงการวิจัยท้าทายไทย : การวิจัยมุ่งเป้าเพื่อประชาชน วช. ได้สนับสนุนโครงการวิจัยท้าทายไทย ซึ่งเป็นการวิจัยที่แก้ปัญหาท้าทายของประเทศ ตัวอย่างของผลสำเร็จจากโครงกานวิจัยท้าทายไทย เช่น ประเทศไทยไร้พยาธิใบไม้ตับ (Grand Challenges Thailand : Fluke Free Thailand) ซึ่ง วช. ได้ให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับโครงการแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (Cholangiocarcinoma Screening and Caf? program : CASCAP) และสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส) ผ่านโครงการวิจัยการพัฒนาระบบสาธารณสุข เพื่อศึกษาในการแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดีในภาคตะวันออกฉียงเหนือแบบครบวงจรตั้งแต่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการที่เกี่ยวข้องกับพยาธิใบไม้ตับ และมะเร็งท่อน้ำดีอย่างทันเวลา ไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังขยายนวัตกรรมที่ได้ไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย เพื่อป้องกันการระบาดของโรคที่ทำให้เกิดการระบาดกลับมายังประเทศไทย
การวิจัยเพื่อผลิตดอกออกผล วช. ได้ส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงพื้นที่เพื่อตอบโจทย์ เศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ส่งผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจและสังคม เช่น 'เครื่องอบแห้งแบบถังทรงกระบอกหมุนด้วยรังสีอินฟราเรดร่วมกับลมร้อนปล่อยทิ้ง' เป็นเครื่องอบแห้งขนาดเล็ก ที่ช่วยลดระยะเวลาและพื้นที่ตากผลผลิตทางการเกษตร โดย วช. ได้มอบเครื่องดังกล่าวให้แก่เกษตรกร ใน 17 จังหวัด ซึ่งทำให้เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิต และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ดี ลดระยะเวลาการผลิตและความเสี่ยงในการผลิตจากสภาพดินฟ้าอากาศ
การเชื่อมไทยเชื่อมโลกด้วยงานวิจัย วช. ได้มีการขับเคลื่อนเครือข่ายความร่วมมือกับต่างประเทศ (ไทย-จีน) ภายใต้นโยบาย หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI)' โดย วช. ได้สนับสนุนให้มีการศึกษาวิเคราะห์ วิจัย รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดยเชื่อมโยงความสัมพันธ์ไปถึงระดับภูมิภาคอาเซียนด้วย นอกจากนี้ วช. ยังได้ร่วมจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศนานาชาติ ดิจิดัลหนึ่งแถบหนึ่งหนึ่งเส้นทาง (DBAR) กรุงเทพฯ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย , สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศระดับภูมิภาค
และพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำการวิจัยและบูรณาการข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และด้านสิ่งแวดล้อมเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการวิจัย รวมทั้งดำเนินการต่าง ๆ ที่มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ วช. ยังมีความร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง วช. และ Korea Institute of Energy Technology Evaluation and Planning (KETEP) สาธารณรัฐเกาหลี โดยได้ร่วมผลักดันการวิจัยที่ตอบโจทย์นโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลที่นำผลการวิจัยแก้ไขปัญหาชาติ และสร้างเสริมความมั่นคงทางพลังงาน และผลักดันให้อุตสาหกรรมพลังงานสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศและพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจพลังงานของภูมิภาคอาเซียนโดยใช้ความได้เปรียบเชิงภูมิยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสามารถเรียนรู้และถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เป็นเลิศจากสาธารณรัฐเกาหลี
ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา วช. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศอย่างต่อเนื่อง จากการสนับสนุนให้นักประดิษฐ์และนักวิจัยไทยเข้าสู่เวทีนานาชาติในระดับโลก ปี 2562 ที่ผ่านมานักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทย สามารถคว้ารางวัลจากการประกวดและจัดแสดงผลงานในเวทีนานาชาติใน 2 เวที คือ เวที 'The International Trade Fair-Ideas, Inventions and New Products'(iENA 2019) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 ณ เมืองนูเรมเบิร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และเวที'Seoul International Invention Fair 2019' (SIIF 2019) ระหว่างวันที่ 27 – 30 พฤศจิกายน 2562 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งในวันที่ 26 ธันวาคม 2562
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web