WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TATAราจฟ มงกลกลุ่มธุรกิจเหล็กจีน HBIS ทุ่มเม็ดเงินเกือบ 5 พันล้าน ซื้อ 'ทาทา สตีล'เตรียมทำTender Offer อีก 2–3 เดือน

       ในที่สุดทุนจีน ก็สยายปีกจับมือกับอินเดียในธุรกิจเหล็ก โดยการเข้าซิ้อ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยมร.ราจีฟ มังกัล - กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทาทา สตีล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจาก T S Global Holdings Pte. Ltd. (“TSGH”) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ว่า TSGH ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับ Hebsteel Global Holding Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย HBIS Group Co., Ltd. (HBIS) เพื่อขายหุ้นที่ TSGH ถืออยู่จำนวน 5,718,472,083 หุ้น (“หุ้นที่จำหน่าย”) คิดเป็นร้อยละ 67.90 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ให้แก่บริษัท (“ผู้ซื้อ”) ซึ่งจะจัดตั้งขึ้นใหม่ในประเทศสิงคโปร์โดยนิติบุคคลซึ่ง HBIS และ TSGH มีอำนาจควบคุมในสัดส่วนร้อยละ 70:30 (ธุรกรรมการขายหุ้น)

       โดยหุ้นที่จำหน่ายคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,517,592,946 บาท หรือ 0.79 บาทต่อหุ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับแจ้งว่าธุรกรรมการขายหุ้นดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 – 4 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ธุรกรรมการขายหุ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขบังคับก่อนบางประการ ซึ่งรวมถึงการที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลตามที่กฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนด และเงื่อนไขโดยปกติอื่นๆ

       "ภายหลังจากที่การเข้าทำธุรกรรมการขายหุ้นเสร็จสิ้น ผู้ซื้อจะมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ แทน TSGH นอกจากนี้ ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ (Mandatory Tender Offer) เพื่อซื้อหุ้นและหลักทรัพย์ที่เหลืออยู่ทั้งหมดของบริษัทฯ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขภายใต้ประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ และเมื่อบริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลและความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวเพิ่มเติม บริษัทฯ จะดำเนินการแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบต่อไป"

 

       มร.ราจีฟ มังกัล กล่าวพร้อมกับชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปีการเงิน 2562 (ตุลาคม-ธันวาคม 2561) ว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เหล็กก่อสร้างทรงยาวในประเทศยังคงซบเซาจากความต้องการสินค้าที่ลดลง ราคาสินค้าสำเร็จรูปและเหล็กแท่งในต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นผลให้ลูกค้าเกิดความลังเลที่จะสั่งซื้อสินค้า เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาสินค้าจะปรับตัวลดลงอีก ประกอบกับในเดือนธันวาคมมีวันหยุดตามเทศกาลหลายวัน ส่งผลให้ลูกค้าปลายทางและตัวแทนจำหน่ายสอบถามข้อมูลและส่งคำสั่งซื้อลดลง

        เขาเปิดเผยถึงผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน ว่า ปริมาณการขายสินค้าในไตรมาสนี้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนและลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดในประเทศลดลงประกอบกับเหตุผลตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายสินค้าในประเทศที่ลดลง บางส่วนได้รับการชดเชยด้วยปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของสินค้าเหล็กเส้นไปที่ส่งไปยังประเทศกัมพูชา อินเดีย ลาว และการส่งออกเหล็กลวดไปยังประเทศอินโดนีเซีย ปริมาณการขายสินค้าในช่วง 9 เดือนของปีการเงิน 2562 ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 6 เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดโครงการก่อสร้างในประเทศลดลง ในขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายสินค้าในช่องทางค้าปลีกเพิ่มขึ้นและมีปริมาณยอดขายสินค้าเหล็กลวดในประเทศคงเดิม

     ยอดขายสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อนเนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดภายในประเทศอ่อนแอลง ส่งผลให้ราคาขายสินค้าลดลง ยอดขายสุทธิในช่วง 9 เดือนเมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าสำเร็จรูปที่สูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน - ตุลาคม ซึ่งส่วนหนึ่งชดเชยกับปริมาณขายในประเทศที่ลดลง

 

TSTH หวังงบปี 61/62 พลิกกำไร หลังรุกส่งออก ทุนใหม่สรุปแผนใน 2-3 ทาทา สตีล การดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสที่ 3 ของปีการเงิน 2562 (ตุลาคม-ธันวาคม 2561)

             บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (บริษัท) ขอชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสที่ 3

ของปีการเงิน 2562 (ตุลาคม-ธันวาคม 2561) ดังนี้            

1.               ผลการดำเนินงาน

ตลาดผลิตภัณฑ์เหล็กก่อสร้างทรงยาวในประเทศยังคงซบเซาจากความต้องการสินค้าที่ลดลง ราคาสินค้าสำเร็จรูปและเหล็กแท่งในต่างประเทศปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นผลให้ลูกค้าเกิดความลังเลที่จะสั่งซื้อสินค้า เนื่องจากคาดการณ์ว่า ราคาสินค้าจะปรับตัวลดลงอีก ประกอบกับในเดือนธันวาคมมีวันหยุดตามเทศกาลหลายวัน ส่งผลให้ลูกค้าปลายทางและตัวแทนจำหน่ายสอบถามข้อมูลและส่งคำสั่งซื้อลดลง

ไตรมาสที่ผ่านมา NTS ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2561 ประเภทการบริหารงานคุณภาพจากนายกรัฐมนตรี

 

ผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน

1.1         ยอดขายสุทธิ

ปริมาณการขายสินค้าในไตรมาสนี้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนและลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดในประเทศลดลงประกอบกับเหตุผลตามที่กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายสินค้าในประเทศที่ลดลง บางส่วนได้รับการชดเชยด้วยปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของสินค้าเหล็กเส้นไปที่ส่งไปยังประเทศกัมพูชา อินเดีย ลาว และการส่งออกเหล็กลวดไปยังประเทศอินโดนีเซีย ปริมาณการขายสินค้าในช่วง 9 เดือนของปีการเงิน 2562 ต่ำกว่าปีก่อนร้อยละ 6 เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดโครงการก่อสร้างในประเทศลดลง ในขณะเดียวกัน บริษัทมียอดขายสินค้าในช่องทางค้าปลีกเพิ่มขึ้นและมีปริมาณยอดขายสินค้าเหล็กลวดในประเทศคงเดิม

ยอดขายสุทธิในไตรมาสนี้ลดลงร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อนเนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดภายในประเทศอ่อนแอลง ส่งผลให้ราคาขายสินค้าลดลง ยอดขายสุทธิในช่วง 9 เดือนเมื่อเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4 สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าสำเร็จรูปที่สูงขึ้นในช่วงเดือนเมษายน - ตุลาคม ซึ่งส่วนหนึ่งชดเชยกับปริมาณขายในประเทศที่ลดลง

1.2         กำไรก่อนภาษีเงินได้

บริษัทรายงานผลขาดทุนจำนวน 196 ล้านบาทในไตรมาสนี้ เนื่องจากความเชื่อมั่นในตลาดที่ตกต่ำจากความต้องการสินค้าที่ลดลงและราคาสินค้าในต่างประเทศที่ลดลงตามที่อธิบายไว้ข้างต้น ผลกระทบนี้มีความสำคัญในไตรมาสนี้เนื่องจากบริษัท นำเข้าวัตถุดิบในปริมาณมากและมีระยะเวลาในการรอรับสินค้ายาวนาน อีกทั้งการเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่เตาหลอมไฟฟ้าของ SCSC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2561 การหยุดชะงักของการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมที่เกี่ยวข้องได้ส่งผลต่อการลดลงของกำไรของบริษัทด้วย สำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือนของปีการเงิน 2562 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 55 ล้านบาท

2.         ฐานะการเงิน

2.1         สินทรัพย์

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทมีสินทรัพย์รวมลดลง 192 ล้านบาท จากวันที่ 31 มีนาคม 2561 เนื่องจาก

·         ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นลดลง 571 ล้านบาท

·         ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ลดลง 110 ล้านบาท เนื่องจากค่าเสื่อมราคาประจำงวด

·         บางส่วนถูกชดเชยด้วยวัตถุดิบคงคลังที่เพิ่มขึ้น 380 ล้านบาท

2.2         หนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้น

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทมีหนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 192 ล้านบาท จากวันที่ 31 มีนาคม 2561 เนื่องจาก

·         เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้อื่นลดลง 368 ล้านบาท

·         กู้ยืมเงินระยะสั้นเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 242 ล้านบาท

·         ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 75 ล้านบาท จากผลขาดทุนในช่วง 9 เดือนของปีการเงิน 2562

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90SIAM790x90

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!