- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Saturday, 09 June 2018 15:48
- Hits: 6999
กนอ. ปลื้มนักลงทุนไทย-ต่างชาติเตรียมลงทุน'สมาร์ทปาร์ค'กว่าหมื่นล้าน เดินหน้าโชว์ศักยภาพพื้นที่ 'อีอีซี' แก่คณะทูตกว่า 300 ราย
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ร่วมกับ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) นำเสนอโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก แก่คณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลที่ประจำการในประเทศไทย กว่า 300 ราย โดยมีเป้าหมายสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นแก่นักการทูต นักลงทุน นักธุรกิจ ทั้งนี้ กนอ. ได้ประชาสัมพันธ์ศักยภาพ และโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มและการใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรมจากโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนได้ในปลายเดือน มิ.ย. นี้ พร้อมด้วยโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทเอกชนสนใจขอร่วมทุนในด้านต่างๆ แล้วมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
นายอัฐพล จิรวัฒน์จรรยา รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความคืบหน้า โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Smart Park ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำแบบรายละเอียดโครงการ ซึ่งมีความคืบหน้าแล้วกว่า 80 % โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือน กรกฎาคม 2561 และจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2564 ซึ่งขณะนี้ได้มีบริษัทเอกชน สนใจขอร่วมทุนในด้านต่างๆ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท อาทิ การทำระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling) ระบบรถรับส่งพลังงานไฟฟ้าภายในนิคมฯ อาคารจอดรถอัตโนมัติด้วยโรโบติกส์รองรับปริมาณรถได้มากกว่า 4,000 คัน การก่อสร้างอาคารศูนย์ประชุม และศูนย์การค้าบนพื้นที่ 52 ไร่ ฯลฯ นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน กนอ.คาดว่า จะมีการประกาศรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และประมาณช่วงปลายปีจะมีการลงนามสัญญาร่วมกับภาคธุรกิจที่ได้รับคัดเลือกร่วมลงทุน
นายอัฐพล กล่าวต่อว่า กนอ. ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จัดการบรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกในหัวข้อ "The Eastern Economic Corridor (EEC) : Taking Off" ให้แก่คณะผู้แทนทางการทูตและกงสุลที่ประจำการในประเทศไทย รวมกว่า 300 คน โดยข้อมูลที่เผยแพร่ ได้แก่ ข้อมูลโครงการสำคัญ ๆ ที่จะเปิดให้นักลงทุนต่างชาติร่วมลงทุน โอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มและการใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม ฯลฯ รวมถึงยังได้เชิญชวนให้ชาติต่างๆส่งเสริมให้ภาคเอกชนของตนเองลงทุนในบนพื้นที่อีอีซี
ทั้งนี้ กนอ.ได้นำเสนอความน่าสนใจจากผลการดำเนินงานของท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอัตราการเติบโตของปริมาณการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี พร้อมด้วยศักยภาพในการเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประสิทธิภาพด้านการเชื่อมโยงการขนส่งทั้งในและต่างประเทศได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนการนำเสนอข้อมูลโครงการพัฒนาท่าเรือฯ ระยะที่ 3 ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการกำหนดรูปแบบร่วมลงทุนนั้น กนอ.ได้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในอนาคตของท่าเรือฯ ที่จะสามารถรองรับการขนถ่ายสินค้าจำพวกน้ำมัน แก๊ส ของเหลว ปิโตรเคมี หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง ได้เพิ่มมากอีกประมาณ 20ล้านตันต่อปี โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและระบบการจัดการภายใน พื้นที่ในการใช้ประโยชน์ รวมถึงสิทธิประโยชน์ – สิทธิพิเศษที่จะได้รับหลังเข้าร่วมลงทุน
ด้านจัดตั้งโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม Smart Park กนอ.ได้ชูจุดเด่นของนิคมฯ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่รองรับการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมด้านดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีอันทันสมัย พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ประกอบการ นักธุรกิจ นักลงทุน และบุคคลทั่วไป โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบและวางผังพื้นที่ การติดตั้งระบบความปลอดภัย การให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่ดีที่สุด และศูนย์รวม Data Center ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับนักลงทุน รวมถึงระบบคมนาคม การสื่อสาร สิ่งอำนวยความสะดวกภายใต้แนวคิดนิคมฯ 4.0 สำหรับอีอีซี ตลอดจนการรองรับการลงทุนใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อุตสาหกรรมวิจัยและพัฒนา อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การบิน และอวกาศ อุตสาหกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์และจักรกล อุตสาหกรรมดิจิทัลเทคโนโลยีอินเทอร์เนต เชื่อมต่อปัญญาประดิษฐ์
สำหรับ ผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองประชาสัมพันธ์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถนนนิคมมักกะสัน กรุงเทพฯ โทร. 02 2530561 หรืออีเมล [email protected]
กนอ.เร่งดันศักยภาพนิคมฯสระแก้ว เชื่อมโยงการค้ากัมพูชา หลังบริษัทสิ่งทอ จากแคนาด
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึง ความคืบหน้านิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว จ.สระแก้ว ที่เปิดดำเนินการในเฟสแรกว่า ล่าสุด กนอ. ได้ลงนามสัญญาจองเช่าที่ดินกับผู้ประกอบการบริษัท แซด.ไอ.เอ็ม. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ZIM Internaional Company Limited) จากประเทศแคนาดา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม บนพื้นที่นิคมฯ สระแก้ว โซน F รวมเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างและเปิดดำเนินกิจการภายในปีนี้ จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น บริษัทดังกล่าวจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ในด้านการจ้างแรงงาน การใช้เส้นทางคมนาคมเพื่อการขนส่ง การขยายไลน์ผลิตและกลุ่มตลาดส่งออก รวมถึงเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตรวดเร็วขึ้น
สำหรับ ในปีนี้ กนอ. จะมุ่งชูจุดเด่นศักยภาพพื้นที่ของนิคมฯ สระแก้วเพื่อดึงดูดผู้ประกอบการและนักลงทุนให้เข้ามาเช่าพื้นที่ และลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 ประเภท เช่น กลุ่มสินค้าเกษตรแปรรูป สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมพลาสติก ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงความน่าสนใจทั้งจุดยุทธศาสตร์ที่ใกล้กับด่านบ้านคลองลึก ที่จะช่วยเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปต-โอเนียงในประเทศกัมพูชาเพียง 3 กิโลเมตร เส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย สามารถขนส่งเชื่อมโยงกับท่าเรือแหลมฉบังและฐานการผลิตหลักในอีสเทิร์นซีบอร์ด ช่วยรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา หรือ CLMV ที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ เช่น การเป็นพื้นที่ปลอดน้ำท่วม การพัฒนาพื้นที่ตามแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแบบ 100% (ECO Industrial Town) แห่งแรกของประเทศ การตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจตลาดชายแดน (ตลาดโรงเกลือ) และสิทธิประโยชน์ตามนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่พร้อมรองรับและสนับสนุนการทำธุรกิจ เป็นต้น
นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว ถือเป็นนิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามเป้าหมายของรัฐบาลที่พัฒนาแล้วเสร็จเป็นแห่งแรก และจะสามารถเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในเดือนธันวาคม 2561 โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการเช่าพื้นที่แล้วจำนวน 3 ราย ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาด ผู้ประกอบกิจการเครื่องนุ่งห่ม และผู้นำเข้า-ส่งออกเสื้อผ้าจากต่างประเทศ ซึ่งยังมีกลุ่มที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเช่าพื้นที่อีก 3 ราย คือ ผู้ประกอบกิจการร้านสะดวกซื้อ ผู้ประกอบกิจการเครื่องสำอาง ผู้ประกอบกิจการด้านคลังสินค้าให้เช่า
รวมถึงกลุ่มที่อยู่ตัดสินใจลงทุน 5 รายคือ ผู้ประกอบกิจการผลิตสายไฟ ผู้ประกอบกิจการเย็บถุงลมนิรภัย ผู้ประกอบกิจการโรงงานมาตรฐานให้เช่า ผู้ประกอบกิจการมอเตอร์ไฟฟ้า ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการที่สนใจสอบถามข้อมูล และขอเข้าเยี่ยมชมพื้นที่แล้วรวมไม่น้อยกว่า 100 ราย โดย กนอ.คาดว่าภายในปีนี้จะมีการเช่าที่ดินเพื่อการลงทุน และประกอบกิจการอุตสาหกรรมเพิ่มอีกกว่า 20 ไร่
อินโฟเควสท์