- Details
- Category: อุตสาหกรรม
- Published: Sunday, 04 March 2018 22:18
- Hits: 4852
กนอ.เผยนิคมฯยางพาราคืบหน้ากว่า 80% พร้อมเตรียมอัดโปรโมชั่นเอาใจ SMEs
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เผยความคืบหน้าโครงการพัฒนานิคมฯยางพารา หรือ Rubber City คืบหน้าไปแล้วกว่า 80% โดยนิคมฯ มีการให้บริการในรูปแบบให้เช่าพื้นที่โรงงานมาตรฐานสำเร็จรูปเพื่อรองรับผู้ประกอบการ SMEs จำนวนกว่า 25 ไร่ ในราคาพิเศษ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs เช่าโรงงานแล้วจำนวน 6 ราย มูลค่าลงทุนกว่า 140 ล้านบาท พร้อมคาดหากนิคมฯยางพาราแล้วเสร็จจะสามารถรองรับอุตสาหกรรม Cluster ยางพาราขั้นกลางน้ำและปลายน้ำได้ อีกทั้งเป็นศูนย์กลางในการศึกษา วิจัย พัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ยางพารา นอกจากนี้ ด้วยศักยภาพของนิคมฯที่มีระบบคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยเชื่อมโยงความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่าย IMT -GT ( Indonesia – Malaysia – Thailand) อันจะเป็นประตูสู่ประชาคมอาเซียนและระดับโลกได้อีกด้วย
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ตามที่ กนอ. มีนโยบายพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) เพื่อเป็นนิคมฯ แปรรูปยางพาราแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด บนพื้นที่ 1,218 ไร่ ภายในนิคมฯ ภาคใต้ จ.สงขลา นั้น ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพัฒนาและมีความคืบหน้าไปแล้วมากกว่า 80 เปอร์เซนต์ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จ คาดจะสามารถรองรับกลุ่มอุตสาหกรรม Cluster ยางพารา ครบวงจร อาทิ อุตสาหกรรมนวัตกรรมยาง อุตสาหกรรมจากน้ำยางข้น อุตสาหกรรมยางคอมพาวด์ และอุตสาหกรรมต่อเนื่องยางพารา เป็นต้น และคาดว่าจะมีความต้องการใช้ยางพาราในพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 30,000 ตันต่อปี เป็น 200,000 ตัน ต่อปี
รวมทั้งเป็นศูนย์กลางในการศึกษา วิจัย ต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจอย่างครบวงจร โดยเฉพาะโอกาสจากการเป็นจุดยุทธศาสตร์ในระเบียงเศรษฐกิจด้านยางพารา (Rubber Corridor) ภายใต้ความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่าย IMT -GT ( Indonesia – Malaysia – Thailand Growth Triangle) ซึ่งจะเป็นประตูสู่ประชาคมอาเซียนและระดับโลกต่อไป
นอกจากนี้ กนอ.ยังได้แบ่งพื้นที่ของนิคมฯ ยางพารา จำนวน 25 ไร่ เพื่อพัฒนาอาคารโรงงานมาตรฐานให้เช่า รองรับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เช่าโรงงานแบบสำเร็จรูปในราคาเท่าทุน พร้อมระบบสาธารณูปโภคที่ครบวงจร ผู้ประกอบการสามารถเข้าประกอบกิจการได้ทันที โดยมีแบบโรงงานให้เลือกจำนวน 3 แบบ ได้แก่ 1) Type A ขนาดพื้นที่ 500 ตร.ม. จำนวน 6 หลัง 2) Type B ขนาด 750 ตร.ม. จำนวน 1 หลัง และ 3) Type C ขนาด 1,000 ตร.ม. จำนวน 14 หลัง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการ SMEs ได้เข้ามาเช่าโรงงานแล้วจำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 140 ล้านบาท โดยคาดว่าเมื่อมีผู้เช่าครบเต็มจำนวน จะทำให้มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานได้ไม่น้อยกว่า 1,000 คน
อินโฟเควสท์