- Details
- Category: เศรษฐกิจทั่วไป
- Published: Tuesday, 01 March 2022 23:56
- Hits: 13290
YLG คว้ารางวัลผู้ส่งออกทองคำที่มีความรับผิดชอบสูงสุดจากสื่อการเงินระดับโลก
ตั้งเป้าขยายตลาดสู่จีน-อินเดีย หลังให้บริการครอบคลุมอาเซียน 6 ประเทศ
มองทองยังทรงตัวระดับสูงเหตุนลท.ยังถือสินทรัพย์ปลอดภัย แม้เสี่ยงเผชิญแรงขายเป็นระยะ
วายแอลจี คว้ารางวัลผู้ส่งออกทองคำเอเชียที่มีความรับผิดชอบสูงสุด จาก Capital Finance International นิตยสารการเงินระดับโลกการันตีผลงานคุณภาพในระดับสากล ทั้งการขนส่ง การบริการด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ล่าสุดเปิดบริการแอปพลิเคชั่นใหม่ “YLG Gold Investment” เจ้าแรกในไทยที่เทรดทองได้ 5 สกุลเงิน ซื้อขายได้ทั้ง ดอลลาร์, หยวน, สิงค์โปรดอลลาร์, ยูโร และบาท เปิดเป้าหมายธุรกิจตั้งเป้าขยายตลาดสู่จีน-อินเดีย หลังเจาะตลาดอาเซียนครอบคลุมแล้วทั้ง สิงคโปร์ พม่า ลาว กัมพูชา และอินโดนีเซีย ส่วนสถานการณ์ทองคำยังแข็งแกร่งนักลงทุนยังเชื่อมั่นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย พร้อมแนะนำนักลงทุนระยะสั้นโดยแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น เพื่อรอเข้าซื้ออีกครั้งเมื่อราคาอ่อนตัวลง
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า Capital Finance International (Cfi.co) นิตยสารด้านการเงินระดับโลก ได้มอบรางวัล Export Awards 2021 - Most Responsible Gold Exporter – Asia 2021 ให้กับกลุ่มวายแอลจี (YLG Group) โดยทางคณะกรรมการจะคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติจากทั่วทุกมุมโลกที่จะต้องผ่านเกณฑ์การแข่งขันที่กำหนดไว้รอบด้าน ซึ่งแบ่งการตัดสิน เป็น 2 รอบ โดย 1 รอบจากผลโหวตที่เปิดโหวตทางหน้าเว็บไซต์ Cfi.co ละอีกรอบหนึ่งจากทีมคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในวงการธุรกิจ และพิจารณาคุณสมบัติครบจาก 11 ด้าน ตามเกณฑ์การคัดเลือก พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ไม่หยุดยั้งการพัฒนา ได้แก่ 1.ความยั่งยืนและแนวโน้มการเติบโตของการส่งออก 2.นำเสนอผลิตภัณฑ์ และ บริการที่ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ 3.คุณภาพของการขายและการตลาดระดับสากล 4.การดําเนินงานด้านการขนส่ง 5.การบริหารความเสี่ยงด้านสกุลเงินและสินเชื่อ 6.นวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ 7. การเข้าถึงวัฒนธรรมต่างประเทศและความหลากหลายของตลาดที่แตกต่างกัน 8.ความแข็งแกร่งของทีมผู้บริหาร 9.การกํากับดูแลกิจการที่ดี 10.การเป็นพลเมืองดีระหว่างประเทศ และความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) 11.ความมั่นคงของผู้เข้ารับการเสนอชื่อ
อย่างไรก็ตามหลังจากได้รับรางวัลในครั้งนี้ วายแอลจี จะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพและการให้บริการต่อไป ซึ่งในส่วนของคุณภาพและบริการของวายแอลจีนั้น ปัจจุบันได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศไทยและอีกหลายประเทศในอาเซียนผ่านจากให้บริการของ วายแอลจี บูลเลี่ยน สิงคโปร์ ปัจจุบันได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พม่า กัมพูชา ลาว อินโดนีเซีย เป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขายของบริษัทขึ้นมาเทียบเท่ากับบริษัทในประเทศไทยหลังเริ่มต้นดำเนินการเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ในปัจจุบัน วายแอลจี บูลเลี่ยน สิงคโปร์ ยังเป็นทั้งคณะกรรมการบริหารของ The Singapore Bullion Market Association (SBMA) และเป็นสมาชิกของ The Shanghai Gold Exchange(SGE) ในประเทศจีนอีกด้วย โดยเป้าหมายสำหรับตลาดต่างประเทศในอนาคต คือ การขยายตลาดไปสู่ในประเทศอื่นๆ ทางบริษัทฯได้เล็งเห็นศักยภาพ อาทิ จีน อินเดีย เป็นต้น
ในส่วนของเทคโนโลยีนั้น ล่าสุด วายแอลจีได้ ยกระดับระบบเทรดทอง ตามความต้องการของนักลงทุน เปิดตัว แอปพลิเคชั่น “YLG Gold Investment” เจ้าแรกในไทยที่เทรดทองได้ 5 สกุลเงิน ซื้อขายได้ทั้ง ดอลลาร์, หยวน, สิงค์โปรดอลลาร์, ยูโร และบาท เริ่มต้นลงทุนเพียง 1 ออนซ์ หรือ 31.104 กรัม (ประมาณ 2 บาททอง หรือ 60,000บาท) ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้สะดวกผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์เเละแอปพลิเคชั่น (Android / IOS) เพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัย ในการจัดส่งสินค้า ผ่านระบบการยืนยันตัวตนผ่าน OTP รัดกุม ปลอดภัย สะดวกรวดเร็ว สามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมย้อนหลังได้ ทั้งธุรกรรมการฝาก-ถอนเงิน ฝาก-ถอนทอง ซื้อ-ขาย และการรับ-ส่งทองคำ มีการแจ้งเตือนการทำผ่านมือถือทุกครั้งที่ทำธุรกรรม เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยในกับนักลงทุน นอกจากนี้ยังตั้งราคาซื้อขายได้อัตโนมัติโดยสามารถเลือกจะตั้งราคาถึงเวลาปิดตลาด หรือ ตั้งราคาซื้อขายได้นานจนกว่าจะยกเลิก รวมถึงสามารถกำหนดวันเวลาในการรับทอง หรือการนัดส่งทองได้เอง สามารถซื้อ-ขายได้ตลอดผ่านช่องทางออนไลน์วันจันทร์ – ศุกร์ ตลอด 24 ชม. เสาร์อาทิตย์ก็มีราคาพิเศษให้ซื้อขาย โดย ณ ตอนนี้ แอปพลิเคชั่น YLG Gold Investment เทรดทองได้ทั้งสกุลเงินบาทและดอลลาร์ และทาง YLG กำลังพัฒนาให้เทรดได้ครบทั้ง 5 สกุลเงิน คาดว่าภายในไตรมาสแรกของปี 2022
ส่วนแนวโน้มความเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงเดือน มี.ค. วายแอลจีมองว่า ราคาทองคำจะแกว่งตัวผันผวนตามปัจจัยพื้นฐาน โดยมองแนวต้านที่ 1,958-1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับที่ 1,870-1,863 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดของการปะทะกันในยูเครน กระตุ้นให้นักลงทุนยังคงเข้าลงทุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่แนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)และแรงขายทำกำไรอาจส่งผลให้ราคาทองคำทดสอบกรอบล่างได้เช่นกัน ส่วนทองคำในประเทศมีโอกาสเคลื่อนไหวที่ 28,800-30,500 บาทต่อบาททองคำ
ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นให้รอขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้านแรกที่ 1,958 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้ส่วนที่เหลือให้รอไปปิดสถานะทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป 1,991 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้านแรกได้ อาจเกิดแรงขายกดดันราคาปรับตัวลดลงเข้าใกล้บริเวณแนวรับอีกครั้ง อย่างไรก็ตามราคาทองคำมีการแกว่งตัวมากขึ้น นักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาทิ้งตัวลงหลุดแนวรับโซน 1,829 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
A3045