- Details
- Category: เศรษฐกิจทั่วไป
- Published: Friday, 15 October 2021 16:53
- Hits: 19086
PwC เผยรายได้แตะ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
• รายได้เพิ่มขึ้น 2% ในปีแห่งความท้าทาย หลังเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสสุดท้าย
• รับพนักงานใหม่จำนวน 90,273 ตำแหน่ง ส่งผลให้พนักงานทั่วโลกเพิ่มเป็น 295,000 ราย
• เร่งลงทุน 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมสร้างงานใหม่กว่า 100,000 ตำแหน่งในช่วง 5 ปีข้างหน้าตามแผนกลยุทธ์ “สมการใหม่”
• ลงทุนเพิ่ม 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขับเคลื่อนคุณภาพ ซึ่งรวมถึงการลงทุนจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบบัญชี
เครือข่าย PwC ทั่วโลกประกาศรายได้รวมในช่วง 12 เดือนสิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 อยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 2% ตามอัตราแลกเปลี่ยนท้องถิ่น (หรือ 4.9% เมื่อคำนวณตามสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ) หลังเห็นการเติบโตคงที่เกือบตลอดทั้งปี ก่อนที่รายได้จะปรับตัวเร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดระหว่างเดือนเมษายน ถึง เดือนมิถุนายน โดยเพิ่มขึ้น 18.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งแม้ว่ารอบปีบัญชีนี้ (1 กรกฎาคม 2563 ถึง 30 มิถุนายน 2564) จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของการดำเนินธุรกิจ แต่การเติบโตของรายได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าที่เร่งตัวขึ้นของบริการในด้านต่างๆ เช่น ดีลส์ และการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว
“ผมมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับทุกสิ่งที่เราได้บรรลุในปีที่ท้าทายนี้ โดยเรายึดมั่นในค่านิยมและคำนึงถึงคนของเราเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ด้วยความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความมุ่งมั่นที่ไม่ลดละ ทำให้เรายังคงสามารถทำงานร่วมกันเพื่อส่งมอบงานที่มีคุณภาพ และโซลูชั่นด้านนวัตกรรมให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราได้ทั่วโลก นอกจากนี้ เราได้เปิดตัว “สมการใหม่” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระดับโลกไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย PwC ได้ระบุถึงความจำเป็นในการตอบสนองความต้องการที่สำคัญสองประการที่เชื่อมโยงถึงกันของทุกองค์กร นั่นคือ การสร้างความไว้วางใจกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการส่งมอบผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ซึ่งเราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอนาคต โดยมุ่งลงทุนมากกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในอีกห้าปีข้างหน้า และจะสร้างงานในตำแหน่งใหม่ๆ มากกว่า 100,000 ตำแหน่ง” นาย บ็อบ มอริตซ์ ประธาน PwC โกลบอล กล่าว
ผลประกอบการทั่วโลกของทุกสายงานยังคงแข็งแกร่ง
เครือข่าย PwC ทั่วโลกยังคงมุ่งเน้นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงให้แก่ลูกค้าท่ามกลางการรับมือกับความท้าทายและการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำหรับการเติบโตของรายได้ในภูมิภาคสำหรับรอบปีบัญชี 64 ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และผลพวงจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ตามมา อย่างไรก็ดี PwC ยังคงสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ในภูมิภาคและประเทศที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้
• รายได้ในภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (EMEA) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ประเทศสหราชอาณาจักร มีรายได้เพิ่มขึ้น 2% และตะวันออกกลางมีรายได้เติบโต 4.8% นำโดยประเทศตุรกีที่มีรายได้เติบโตถึง 30% อย่างไรก็ดี ธุรกิจของเราในทวีปแอฟริกาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาด โดยมีรายได้ลดลง 3.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
• รายได้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น เติบโต 6.2% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ PwC ประเทศเกาหลีใต้ ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีบัญชี 2563 ซึ่งเห็นรายได้ลดลง 1.2% ขณะที่ PwC ประเทศออสเตรเลีย ก็สามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปีบัญชี 64 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.4%
• สำหรับรายได้ในทวีปอเมริกานั้นคงที่ เป็นผลมาจากการชะลอตัวของการชำระเงินและการเรียกเก็บเงินจากลูกค้า ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ของ PwC ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายทั่วทั้งทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ แต่อย่างไรก็ดี รายได้ของ PwC ประเทศแคนาดา ยังคงเติบโตได้ที่ 5.1%
ธุรกิจตรวจสอบบัญชี: รายได้จากธุรกิจตรวจสอบบัญชีของเราเพิ่มขึ้น 1.2% เป็น 1.71 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากปีบัญชี 63 อยู่ที่ 1.64 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยสายงานตรวจสอบบัญชี ยังคงเป็นหลักสำคัญของแบรนด์ของเรา และเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจตรวจสอบบัญชี ด้วยบทบาทสำคัญในการตรวจสอบบัญชีเพื่อรักษาความไว้วางใจในตลาดทุน และความท้าทายทางการเงินที่ลูกค้าของเราต้องเผชิญเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ทำให้ธุรกิจการตรวจสอบบัญชีของเรายังคงความเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ เรายังคงจัดการกลไกตลาดอื่นๆ เช่น การหมุนเวียนของผู้ตรวจสอบบัญชี และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และคาดว่า ธุรกิจตรวจสอบบัญชีของเราจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ ยังพบว่า ลูกค้ามีความต้องการบริการตรวจสอบที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินเพิ่มขึ้น เช่น การเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน (ESG disclosure) และคาดว่า ความต้องการนี้จะยิ่งเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ในช่วงปีบัญชี 64 เรายังเห็นบริการด้านความเสี่ยงกลับมาเติบโตอีกครั้ง เพราะองค์กรต่างตระหนักถึงความจำเป็นของการใช้บริการระดับมืออาชีพ เพื่อช่วยจัดการความเสี่ยงที่ได้รับจากวิกฤตโควิด-19 และการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลขององค์กรที่ถูกเร่งตัวขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ขณะที่ความต้องการของการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและบริการด้านความโปร่งใสของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยองค์กรต่างๆ กำลังมองหาบริการการตรวจสอบจากภายนอกมากขึ้น เช่น ความสัมพันธ์ของบุคคลที่สาม การเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน และกรอบการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
ธุรกิจที่ปรึกษา: รายได้จากธุรกิจที่ปรึกษาเติบโต 3.1% เป็น 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากปีบัญชี 63 อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยการเติบโตนี้ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการเปลี่ยนผ่านการทำงานทั่วทั้งองค์กร ซึ่งลูกค้ามีความจำเป็นต้องเข้าถึงความสามารถที่หลากหลายตั้งแต่การวางกลยุทธ์ไปจนถึงการปฏิบัติ ทั้งนี้ โควิด-19 ยังกระตุ้นให้เกิดความต้องการในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ากับธุรกิจ (เช่น การเงิน แผนกต้อนรับ ทรัพยากรบุคคล และซัพพลายเชน) รวมไปถึงการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์เพื่อสร้างความยืดหยุ่นให้กับองค์กร
นอกจากนี้ กิจกรรมดีลส์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปียังขับเคลื่อนโอกาสในการสร้างและการรักษามูลค่ากิจการให้กับ PwC ได้เพิ่มเติม โดยลูกค้าต้องการเพิ่มมูลค่าผ่านการทำธุรกรรมและการปรับโครงสร้างที่ตามมา ซึ่งแม้จะมีความท้าทายจากการระบาดใหญ่และข้อจำกัดในการเดินทาง แต่ธุรกิจที่ปรึกษาของเราทั่วโลกยังคงสามารถให้บริการลูกค้าได้ครบวงจรในรูปแบบเสมือนจริง และช่วยให้พวกเขาสร้างมูลค่าและผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้
ธุรกิจบริการด้านภาษีและกฎหมาย: รายได้จากการดำเนินงานด้านภาษี กฎหมาย และการบริหารบุคลากรในปีบัญชี 64 เติบโต 1.7% อยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากปีบัญชี 63 อยู่ที่ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงผลกระทบของการระบาดใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก
ในขณะที่รัฐบาลและภาคธุรกิจยังคงต่อสู้กับความท้าทายของโควิด-19 ซึ่งนำไปสู่การขาดดุลของประเทศต่างๆ อย่างมีนัยสำคัญ เราเห็นความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในบริการด้านภาษีและกฎหมาย เพื่อช่วยพวกเขาจัดการกับภูมิทัศน์ด้านภาษีที่ทวีความซับซ้อน นอกจากนี้ ความต้องการของการทำดีลส์และบริการด้านบุคคลและองค์กรก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษในปีบัญชีนี้ ขณะที่ความต้องการบริการด้านการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจก็เพิ่มสูงเช่นกัน เพราะผู้ประกอบการต้องการปรับเปลี่ยนและจัดการระบบห่วงโซ่อุปทาน รูปแบบการดำเนินงาน และแรงงานขององค์กรในอนาคตใหม่
สำหรับความต้องการบริการด้านการรายงานภาษีและกลยุทธ์นั้นก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปฏิบัติตามข้อกำหนดและบริการด้านการจัดการ เพราะธุรกิจจำนวนมากยังคงมีภาระหน้าที่ในการต้องปฏิบัติตามแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งภูมิทัศน์ทางภาษีที่เปลี่ยนไป ทำให้ความต้องการบริการด้านการปฏิบัติตามแบบบูรณาการของลูกค้าเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ด้านนาย ชาญชัย ชัยประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ของเครือข่าย PwC ในปีบัญชีที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความพยายามอย่างเต็มที่ในการรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศที่มีการฟื้นตัวในระดับที่แตกต่างกัน
“สิ่งที่เราเห็นได้ชัดในช่วงปีที่ผ่านมาคือ ผู้นำธุรกิจมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านธุรกิจของตนเองมากขึ้น โดยการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งทำให้ปัญหาความท้าทายของโลก 5 ประการที่เรียกเป็นชื่อย่อว่า “ADAPT” ซึ่งประกอบด้วย ความไม่สมดุลของความมั่งคั่ง ความชะงักงันจากเทคโนโลยี ความแตกต่างด้านอายุของประชากรศาสตร์ การแบ่งขั้วในสังคม และการสูญเสียความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อองค์กรในสังคมนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น ในช่วงการแพร่ระบาดจึงมีบริษัทชั้นนำของไทยหลายรายที่หันกลับมาทบทวนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของตนเอง และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป” นาย ชาญชัย กล่าว
“ในระยะต่อไปผู้บริหารจะยิ่งต้องติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิดทั้งเทคโนโลยี พฤติกรรมของผู้บริโภค และแนวโน้มสำคัญที่กำลังมาอย่าง กระแสรักษ์โลก หรือ ESG ที่จะกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วโลก และไม่จำกัดเฉพาะแค่กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ปิโตรเคมี หรือยานยนต์อีกต่อไป รวมถึงครอบคลุมทั้งธุรกิจที่ต้องการขยายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศและนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจไทยด้วย ซึ่ง ESG จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณาให้สินเชื่อและการประเมินมูลค่ากิจการในอนาคต” นาย ชาญชัย กล่าว
ลงทุนเพื่ออนาคต
แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา แต่ PwC ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่ออนาคตของบุคลากรของเราอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ การยกระดับคุณภาพของงานของเรา และการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ทั้งนี้ ในปีบัญชี 64 เครือข่าย PwC มีการลงทุนกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อเนื่องจากปีบัญชี 63 ที่มีการลงทุนไปมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการลงทุนยังคงดำเนินต่อไปในลักษณะที่มีความระมัดระวังมากขึ้นและการรับหุ้นส่วนใหม่มีจำนวนลดลง
นอกจากนี้ บริษัทเครือข่าย PwC ยังได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ 9 แห่ง (ปีบัญชี 63 จำนวน 3 แห่ง) และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ 5 แห่ง (ปีบัญชี 63 จำนวน 4 แห่ง) ทั่วโลกเพื่อขยายขีดความสามารถระดับมืออาชีพในด้านสำคัญๆ ครอบคลุมการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง เทคโนโลยีทางภาษี และการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ โดยในอีกห้าปีข้างหน้า PwC มุ่งมั่นที่จะลงทุน 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อดำเนินกลยุทธ์ “สมการใหม่” (The New Equation) ตามที่ได้มีการประกาศไป
มุ่งเน้นคุณภาพ
คุณภาพ ถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นความรับผิดชอบของพนักงานทุกคนที่ PwC เพราะคุณภาพคือ รากฐานของการสร้างความไว้วางใจ โดย PwC เป็นเครือข่ายผู้ให้บริการระดับมืออาชีพแห่งแรกที่มีการรายงานผลการตรวจสอบด้านคุณภาพ และยังคงได้รับผลการตรวจสอบคุณภาพการตรวจสอบบัญชีที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
ภายใต้กลยุทธ์ “สมการใหม่” PwC จะเดินหน้าลงทุน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนการยกระดับคุณภาพของบริการทั่วทั้งเครือข่าย ซึ่งยังรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีอีก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย นอกจากนี้ เรายังได้มีการลงทุนในทักษะดิจิทัลขั้นสูงและเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีในอนาคต
ขยายกำลังแรงงานของเรา
ในปัจจุบันเครือข่าย PwC มีบุคลากรมากกว่า 295,000 คนใน 156 ประเทศทั่วโลก โดยในปีบัญชี 64 PwC ได้รับพนักงานใหม่จำนวนทั้งสิ้น 90,273 คน รวมถึงผู้ฝึกงานจำนวน 24,800 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 8,721 คนในปีก่อนแม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการระบาดใหญ่ทั่วโลก นอกจากนี้ เราจะดำเนินการจ้างผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพเพิ่มอีก 100,000 ตำแหน่งภายในปี 2569
“เพื่อส่งมอบกลยุทธ์ “สมการใหม่” เราจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างชุมชนนักแก้ปัญหา ซึ่งประกอบด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ตั้งแต่ภาษี ดีลส์ เทคโนโลยี ไปจนถึง ESG เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายครั้งใหญ่ที่ลูกค้าของเรากำลังเผชิญอยู่ ด้วยการพัฒนาบุคลากรและการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในครั้งนี้ จะช่วยให้เราสามารถระดมทีมผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพที่มีความจำเป็นในการช่วยสร้างความไว้วางใจและส่งมอบผลลัพธ์ที่ยั่งยืนให้แก่ลูกค้าได้” นาย บ็อบ มอริตซ์ กล่าว
สร้างสถานที่ทำงานที่คำนึงถึงสุขภาพ ความเป็นอยู่ และการมีส่วนร่วมกับองค์กรของพนักงาน
การสร้างสถานที่ทำงานที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของพนักงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานแรงงานสำหรับอนาคตขององค์กร ซึ่งหมายรวมถึง การให้ความยืดหยุ่นแก่พนักงานในการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว และให้โอกาสในการพัฒนาทักษะใหม่ๆ รวมทั้งสร้างกำลังแรงงานที่มีความหลากหลายและครอบคลุมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปีนี้ PwC ได้เปิดตัว “ดัชนีการมีส่วนร่วมของบุคลากร” (People Engagement Index) เพื่อประเมินความรู้สึกของพนักงานที่มีต่อ PwC โดยผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่บอกเราว่า พวกเขามีความภูมิใจที่ได้ทำงานที่ PwC (84%) โดยจะแนะนำ PwC ให้เป็นสถานที่ทำงานที่น่าทำงานด้วย (74%) และมีความสุขกับการทำงานที่ PwC (74%) นอกจากนี้ 73% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขารู้สึก ‘เป็นส่วนหนึ่ง’ ของ PwC ในขณะที่ 74% กล่าวว่า ผู้นำองค์กรให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียม
นอกจากนี้ เรายังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นใจว่า บุคลากรของเราทุกคนจะสามารถเข้าถึงโอกาสต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังและประสบการณ์ชีวิต ในขณะเดียวกัน ยังให้การสนับสนุนโครงการที่ช่วยสร้างความแตกต่างหลากหลายและความเท่าเทียมในสังคมผ่านการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสให้กับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายมากขึ้นที่ PwC อย่างต่อเนื่องต่อไป
มีการวัดผลและประเมินการปล่อยแก๊สเรือนกระจกอย่างจริงจัง
เครือข่าย PwC ทั่วโลกได้ตั้งปณิธานในการลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก (Greenhouse gas (GHG) emissions) สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 โดยเรารู้สึกภาคภูมิใจที่เป้าหมายนี้ได้รับการรับรองจากโครงการริเริ่มที่มีเป้าหมายอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ (The Science Based Targets Initiative: SBTi) ด้วย
ทั้งนี้ การเดินทางทางอากาศ ถือเป็นต้นเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดของ PwC ซึ่งในปีนี้ เราได้เห็นการเดินทางทางอากาศลดลงจากปีที่แล้วที่ 92% เนื่องด้วยข้อจำกัดในการเดินทางทางอากาศทั้งในและต่างประเทศ ในอนาคตเรายังมีแผนที่จะลดการปล่อยก๊าซมลพิษจากการเดินทางเพื่อธุรกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับระดับก่อนเกิดโรคระบาด ในปีบัญชี 64 การปล่อยแก๊สเรือนกระจกทั้งหมดของ PwC ลดลง 80% จากปีก่อนและเราได้ซื้อไฟฟ้า 83% จากแหล่งพลังงานหมุนเวียน*
นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียม และให้พนักงานทุกคนมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเองผ่าน โครงการ “โลกใหม่ ทักษะใหม่” (New world. New skills.) ที่ช่วยให้คนจำนวนมากขึ้นได้มีทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกดิจิทัลและประสบความสำเร็จในอนาคต ซึ่งในปีที่ผ่านมาเพียงปีเดียว มีผู้เข้าร่วมโครงการนี้เกือบ 3 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งในปี 2561 เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะเข้าถึงคนจำนวน 15 ล้านคน องค์กรพัฒนาเอกชน และวิสาหกิจเพื่อสังคมและขนาดเล็กภายในปีบัญชี 65 ซึ่งเรามีความภูมิใจที่จะรายงานให้ทราบว่า ในปีบัญชี 64 เราได้บรรลุเป้าหมายนี้แล้วและสามารถเข้าถึงคนมากกว่า 18 ล้านคนผ่านโครงการการลงทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ PwC ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำงานร่วมกับสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) เพื่อช่วยระบุตัวชี้วัดด้านทุนนิยมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder Capitalism Metrics) โดยทำหน้าที่เป็นผู้นำในเสาหลักด้านสภาพภูมิอากาศ ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา PwC เป็นหนึ่งในองค์กรอันดับแรกๆ ที่รับรองการประยุกต์ใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้ ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการส่งเสริมการรายงานที่โปร่งใสและเปรียบเทียบได้ เรายังได้รวมผลของรายงาน “Global Annual Review” เพื่อนำเสนอภาพรวมของรายงานของ PwC โดยยึดตัวชี้วัดทุนนิยมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นหลัก
A10490
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ