- Details
- Category: เศรษฐกิจทั่วไป
- Published: Friday, 24 October 2014 22:02
- Hits: 6077
สมาคมการค้ายาสูบไทย เผย ร้านโชว์ห่วยเชื่อกฎหมายยาสูบใหม่ทำร้ายธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก กังวลร่างพ.ร.บ.ฯ ชี้กฎหมายสวนนโยบายรัฐบาล
สมาคมการค้ายาสูบไทย เผยผลการสำรวจความคิดเห็นของร้านค้าปลีกทั่วประเทศเรื่องผลกระทบของร่างพ.ร.บ. ควบคุมการบริโภคยาสูบซึ่งจัดทำโดยนิด้าโพล พบร้านค้าปลีกจำนวนกว่า 3 ใน 4 (ร้อยละ 79) เชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าร่างพ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ ที่มีมาตรการอันสุดโต่งจะสร้างความเสียหายแก่ธุรกิจของพวกเขา นอกจากนั้นร้านค้าปลีกมีความกังวลต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและภาคธุรกิจ
การสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 2 โดยนิด้าโพล ในนามสมาคมการค้ายาสูบไทย โดยวิธีการสำรวจเป็นการโทรศัพท์สัมภาษณ์ร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่จำหน่ายบุหรี่จำนวน 1,011 รายทั่วประเทศ ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยผลจากการสำรวจเผยให้เห็นว่า เมื่อมองภาพรวมผลสำรวจร้านค้าปลีกในปี2557 นี้ (ร้อยละ 79) คล้ายคลึงกับผลสำรวจในปี 2555 (ร้อยละ 78) เป็นอย่างมาก ในเรื่องของความกังวลต่อร่างพ.ร.บ.ฯ ที่มีเนื้อหากฎหมายที่ครอบคลุมกว้างมากและมีความคลุมเครือ ว่าควรได้รับการทบทวนอย่างละเอียดโดยสภาผู้แทนราษฎรหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากฎหมายดังกล่าวมีประสิทธิภาพเพียงพอและจะไม่ส่งผลกระทบในภายหลัง นอกจากนี้ ร้านค้าปลีกในประเทศไทยกว่าร้อยละ 63 เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้แย่กว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีเพียงร้อยละ 21 ที่คิดว่าธุรกิจของพวกเขาจะดีขึ้นในปีหน้า ดังนั้นในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่เช่นนี้ จึงไม่ควรมีการออกกฎหมายใดๆ มาซ้ำเติมร้านค้าเพิ่มขึ้นอีก
นางอัญชนา ชีววิมล นายกสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า “สมาคมการค้ายาสูบไทยและสมาชิกของเราซึ่งเป็นกลุ่มร้านค้าโชว์ห่วย มีความกังวลเป็นอย่างมากเมื่อพิจารณารายละเอียดของข้อกฎหมายใน ร่างพ.ร.บ. ควบคุมการบริโภคยาสูบ โดยร้านค้าจำนวนกว่า 3 ใน 4 (ร้อยละ 79) เชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่ากฎหมายอันสุดโต่งดังกล่าวจะสร้างความเสียหายแก่ธุรกิจของพวกเขา รวมไปถึงธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม นอกจากนี้ ร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ (ร้อยละ 52) เชื่อว่ากฎหมายที่เข้มงวดเกินความจำเป็นนี้ จะส่งผลให้การบริโภคยาเส้นมวนเองเพิ่มสูงขึ้นซึ่งไม่ได้เป็นการช่วยให้อัตราการบริโภคยาสูบลดลงแต่อย่างใด และที่สำคัญคือร้านค้าปลีกต่างมีความเห็นว่า รัฐบาลควรเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมยาสูบฉบับปัจจุบันซึ่งเป็นกฎหมายที่มีประสิทธิภาพดีพออยู่แล้ว นอกจากนั้นควรมุ่งเน้นไปที่การให้การศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดอัตราการบริโภคยาสูบโดยไม่ก่อให้เกิดผลเสียแก่ธุรกิจค้าปลีกขนาดย่อย”
หัวข้อต่างๆ ในความเห็นชอบของร้านค้าปลีกทั่วประเทศเรื่องการปฏิบัติการเกี่ยวกับการให้ความรู้และการบังคับใช้กฎหมายในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยลดอัตราการบริโภคบุหรี่ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ร้อยละ 34 เห็นว่าควรเพิ่มการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีเลิกบุหรี่
ร้อยละ 29 เห็นว่าควรจำกัดพื้นที่สูบบุหรี่ให้มากขึ้น
ร้อยละ 24 เห็นว่าควรบังคับใช้กฎหมายยาสูบในปัจจุบันให้เข้มงวดขึ้น
ร้อยละ 8 เห็นว่าควรปรับเพิ่มภาษีให้สูงขึ้น
มีเพียงแค่ร้อยละ 4 ที่เห็นว่าควรผ่านร่างพ.ร.บ. ควบคุมการบริโภคยาสูบฉบับใหม่ที่มีความสุดโต่งนี้
ผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่เป็นร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ยังได้แสดงให้เห็นถึงข้อกังวลต่อการบังคับใช้ซองบุหรี่แบบเรียบ (plain packaging) ดังที่ได้เคยออกมาแสดงความคิดเห็นไปในปี 2555 โดยร้านค้าปลีกต่างกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ ในผลเสียที่จะเกิดจากการใช้ซองบุหรี่แบบเรียบ และนี่ยังเป็นประเด็นลำดับต้นๆ ที่สร้างความกังวลใจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยร้อยละ 92 มีความคิดเห็นว่าการบังคับใช้ซองบุหรี่แบบเรียบจะทำให้กิจกรรมทางการค้าในแต่ละวัน เช่น การสั่งสินค้า การจัดการคลังสินค้า การเติมสินค้า และการให้บริการลูกค้ามีความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้น และอีกร้อยละ 90 เชื่อว่าการใช้ซองบุหรี่แบบเรียบจะนำไปสู่การปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ยาสูบที่สามารถทำได้ง่ายขึ้นและจะมีบุหรี่ปลอมเพิ่มมากขึ้นในตลาด รวมทั้งการลักลอบนำบุหรี่ผิดกฎหมายมาจำหน่ายในประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนั้น ร้อยละ 90 ยังคิดว่าการผ่านร่างพ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบ ไม่น่าจะเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ควรให้ความสำคัญ ณ ขณะนี้ เนื่องด้วยร่างพ.ร.บ. ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลร้ายแก่ธุรกิจค้าปลีกขนาดย่อย ทั้งยังไม่สามารถลดอัตราการสูบบุหรี่ได้ตามจุดประสงค์ที่แท้จริง โดยร้อยละ 79 มีความคิดเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติควบคุมการบริโภคยาสูบฉบับใหม่ควรเป็นประเด็นที่สภาผู้แทนราษฎรเข้ามาพิจารณาหลังมีการเลือกตั้งแล้ว
“ผลสำรวจนี้ตอกย้ำว่าร่างพ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคยาสูบเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในเรื่องผลกระทบต่างๆ เพราะร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ใช่กฎหมายส่งเสริมสุขภาพ แต่เป็นกฎหมายที่ทำร้ายร้านค้าปลีก เพราะมีแต่กฎหมายสุดโต่งที่สร้างภาระ เพิ่มต้นทุนร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งสวนทางกับนโยบายรัฐบาลและคสช.ในการส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก ทางสมาคมฯ ขอวอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลรับฟังเสียงร้านค้าปลีกรายย่อยและผู้ได้รับผลกระทบก่อนเดินหน้าผลักดันกฎหมาย เพราะการทำร้ายผู้ค้าปลีกรายเล็กไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องในการควบคุมยาสูบ”นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวสรุป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย.