- Details
- Category: ไฟฟ้า ลม โซลาร์
- Published: Saturday, 29 July 2023 18:07
- Hits: 2475
ศาลปกครองกลางยกฟ้อง กรณี BTSC ยื่นฟ้อง คณะกรรมการ ม.36 และ รฟม. ประเด็นการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ และหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ครั้งที่ 2
ตามที่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้มีประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ซึ่งต่อมา บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) ได้ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ
และ รฟม. กรณีออกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน โดยเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิม ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ชอบด้วยกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีแล้ว อันมีลักษณะเป็นการกีดกันการแข่งขันอย่างเป็นธรรม นั้น
ในวันนี้ (25 กรกฎาคม 2566) ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว โดยศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้ว มีความเห็นโดยสรุป ดังนี้
คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ รฟม. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ใช้ดุลพินิจในการจัดทำประกาศเชิญชวนและเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 โดยคำนึงถึงความเหมาะสม ความจำเป็นแห่งกรณีเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ไม่มีลักษณะเป็นการกีดกันไม่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ แต่อย่างใด
อีกทั้ง การที่ BTSC ผู้ฟ้องคดี มีหนังสือขอขยายระยะเวลาการยื่นข้อเสนอต่อผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง จึงรับฟังได้ว่า BTSC เข้าใจหลักเกณฑ์การคัดเลือกเป็นอย่างดี และสามารถจัดหาเอกชนเข้าร่วมยื่นข้อเสนอได้ เอกชนที่สามารถเข้าร่วมตามประกาศเชิญชวนดังกล่าวจึงไม่ได้มีเพียงรายเดียวดังที่มีการกล่าวอ้าง อีกทั้ง การกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรี
ประกอบกับขั้นตอนการจัดทำรายงานผลการศึกษา และการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนเป็นไปตามกฎหมายร่วมลงทุนและประกาศที่เกี่ยวข้องแล้ว ดังนั้น การจัดทำประกาศเชิญชวนและเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 จึงเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามรูปแบบ และขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ไม่มีลักษณะประการใดที่จะเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด ศาลพิพากษายกฟ้อง
ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)
โดยศาลปกครองกลางพิพากษา ยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา ในคดีดังกล่าว ซึ่งศาลวิเคราะห์ว่า การประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ คุณสมบัติของผู้มีสิทธิยื่นข้อเสนอเพื่อคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ โดยมิได้มุ่งหมายให้ใช้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดโดยเพาะเจาะจง แต่ประสงค์ให้ใช้สำหรับการเชิญชวนเข้าร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เฉพาะครั้งที่พิพาทในคดีนี้ ประกาศเชิญชวนจึงมีลักษณะเป็นคำสั่งทางปกครองทั่วไป มีความชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นการละเมิดผู้ฟ้องคดี ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดี คือ คณะกรรมการคัดเลือกฯ และ รฟม.จึงไม่ต้องมีการให้สินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดี คือ BTSC
สำหรับ ข้อกล่าวหาในคดีนี้ ประเด็นการประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ลงวันที่ 24 พ.ค.2565 เป็นการละเมิดผู้ฟ้องคดีหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ก่อนหน้านี้ รฟม.ได้มีการจัดรับฟังความคิดเห็น โดยมีเอกชนรายอื่นและผู้ฟ้องคดีไม่ปรากฏข้อโต้แย้ง
จึงได้มีการดำเนินการร่างประกาศเชิญชวนและเอกสารคัดเลือกเอกชนตามขั้นตอนที่กำหนดตามกฎหมาย และแสดงให้เห็นว่าผู้ฟ้องคดี หรือ BTSC ได้เข้าใจในเงื่อนไขของการปรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว
ส่วนข้อกล่าวหา ของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด คัดเลือกเอกชนในด้านซองเทคนิค ที่มีการกำหนดเพิ่มคะแนนด้านเทคนิคแต่ละหมวด 85 คะแนน และผลรวมคะแนนไม่ต่ำกว่า 90 คะแนน อีกทั้งยังกำหนดให้เอกชนที่รับงานโยธาต้องมีประสบการณ์เป็นคู่สัญญาต่อรัฐบาลไทยและเป็นงานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จส่งมอบแล้ว
ข้อเท็จจริงปรากฎว่า รฟม.ได้ใช้ดุลพินิจความเหตุผล เพื่อประโยชน์ของประเทศ เนื่องจากงานก่อสร้างโครงการนี้เป็นงานอุโมงค์ ต้องคัดเลือกเอกชนที่มีศักยภาพงานเทคนิค และการกำหนดให้มีประสบการณ์คู่สัญญาภาครัฐ เพื่อเอื้อต่อการตรวจสอบเปรียบเทียบคุณภาพงาน สอดคล้องกับข้อกำหนดของกรมบัญชีกลาง และเพื่อสร้างความมั่นใจต่องานก่อสร้างและเพื่อประโยชน์ของประเทศ
นอกจากนี้ ในประเด็นนี้ยังพบว่าภายหลัง รฟม.ออกประกาศเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนในส่วนของงานโยธา ทาง BTSC ยังได้ทำหนังสือถึง รฟม. เพื่อขอขยายเวลารับซองเอกสารออกไปอีก เนื่องจาก BTSC ต้องใช้เวลาในการเจรจาหาพันธมิตรต่างชาติที่มีประสบการณ์เป็นคู่สัญญากับภาครัฐไทยเข้าร่วม
ย่อมแสดงให้เห็นว่า กรณีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ครั้งนี้ BTSC ได้รับทราบเงื่อนไข เข้าใจข้อเสนอเป็นอย่างดี อีกทั้งข้อกำหนดก็ไม่ได้เอื้อประโยชน์เอหชนรายใดรายหนึ่ง เพราะเปิดกว้างให้รวมกลุ่มนิติบุคคลระหว่างเอกชนไทยและต่างชาติได้
ก่อนหน้านี้ รฟม.ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีข่าวคัดค้านผลการดำเนินการคัดเลือกเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
ตามที่ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางสื่อมวลชน กรณี บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) มีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เรื่องคัดค้านและไม่ให้ความเห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ตามประกาศเชิญชวนฯ และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 นั้น
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ใคร่ขอเรียนข้อเท็จจริงการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ และกรณี BTSC ยื่นฟ้อง รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) ต่อศาลปกครองและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ดังนี้
1) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลปกครอง คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563
- ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งที่ 300/2564 ยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีในข้อหาที่ BTSC ฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติมและการเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1
- ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 192/2565 พิพากษายกฟ้อง ในข้อหาที่ BTSC ฟ้องว่าการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ฯ เป็นการละเมิด เรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท ปัจจุบันข้อหานี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากคู่ความได้ยื่นอุทธรณ์
2) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลปกครอง คดีหมายเลขดำที่ 580/2564
- ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งที่ 354/2564 ยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับฟ้องในข้อหาที่ BTSC มีคำขอให้ศาลพิพากษาห้าม รฟม. กระทำการที่เกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่
- ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ 1455/2565 พิพากษา เพิกถอนการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 แต่คำพิพากษาดังกล่าว ยังไม่มีผลบังคับจนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามมาตรา 70 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ปัจจุบัน ข้อหานี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากคู่ความได้ยื่นอุทธรณ์
- บริษัทเอกชน 2 รายที่ได้ยื่นข้อเสนอฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ได้รับซองข้อเสนอกลับคืนไปแล้ว จึงไม่สามารถกลับไปดำเนินการได้อีก
3) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลปกครองคดีหมายเลขดำที่ 1646/2565
- ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2565 ยกคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีตามที่ BTSC ร้องขอ โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า การรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนเพื่อประกอบการจัดทำประกาศเชิญชวนฯ และประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 มีการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ ในประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน การกำหนดคุณสมบัติ
และหลักเกณฑ์ด้านการก่อสร้างงานโยธาในระดับสูงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ประกาศเชิญชวนฯ มีการเปิดกว้างให้เอกชนเข้าร่วมในการคัดเลือกมากขึ้นกว่าประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 และประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 ไม่มีลักษณะเป็นการตัดสิทธิหรือกีดกัน BTSC มิให้เข้าร่วมยื่นข้อเสนอ ซึ่งคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวเป็นที่สุดแล้วตามข้อ 73 วรรคสอง ของระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการ ศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543
- BTSC ได้ซื้อเอกสารคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ แต่เมื่อถึงกำหนดยื่นเอกสารข้อเสนอวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 มีเอกชน 2 รายที่ยื่นข้อเสนอ ได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ ITD Group การที่ BTSC ไม่ยื่นเอกสารข้อเสนอไม่ว่าด้วยเหตุผลประการใด ทำให้ BTSC ไม่ใช่ผู้ยื่นข้อเสนอจึงทำให้ไม่มีสิทธิได้รับการพิจารณาคัดเลือกตามกระบวนการ
4) ประเด็น BTSC ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีหมายเลขดำที่ อท30/2564
- ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ อท133/2565 ระหว่าง BTSC เป็นโจทย์ฟ้องนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ รวม 7 คน เป็นจำเลยในความผิดต่อหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 กรณีที่มีการแก้ไขหลักเกณฑ์การคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ
โดยศาลได้ไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า ผู้ว่าการ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้แก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดในพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
การแก้ไขหลักเกณฑ์เป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ ไม่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ยื่นข้อเสนอรายใด และกรณีที่มีการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563 ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งโจทย์หรือกระทำนอกขอบเขตของกฎหมาย ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จึงไม่มีมูลความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
จากข้อเท็จจริงในการดำเนินคดี ไม่ปรากฏว่ามีบทกฎหมาย ห้ามมิให้ รฟม.หรือคณะกรรมการคัดเลือกฯ ดำเนินการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ตามอำนาจหน้าที่แต่อย่างใด การดำเนินการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่นี้ จึงเป็นกรณีที่ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ซึ่งเป็นการจัดทำบริการสาธารณะ สามารถดำเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ อันเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชน มิใช่ต้องหยุดชะงักลงเพียงเพราะการดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นไปตามความประสงค์ของเอกชนรายใดรายหนึ่ง
5) ประเด็นผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ
5.1 ประเด็นคณะกรรมการของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)
ในการดำเนินการยื่นข้อเสนอตามเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ระบุให้ ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องตรวจสอบและรับรองเอกสารข้อเสนอของผู้ยื่นข้อเสนอ โดยผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 2 รายได้มีการยื่นหนังสือรับรองคุณสมบัติในการเข้าร่วมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน ในกรณีที่ปรากฏว่ามีข้อเท็จจริงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอมีความไม่ถูกต้องหรือเป็นเท็จ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ มีสิทธิที่จะไม่ยอมรับข้อเสนอ หรือปฏิเสธที่จะทำสัญญากับเอกชนรายนั้นได้
ทั้งนี้ ในประเด็นดังกล่าว ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า ประกาศคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เรื่อง ลักษณะของเอกชนที่ไม่สมควรร่วมลงทุนในโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 นั้น ได้กำหนดลักษณะของเอกชนที่ไม่สมควรให้ร่วมลงทุนในโครงการร่วมลงทุน โดยเอกชนที่มีลักษณะดังกล่าวไม่มีสิทธิได้รับคัดเลือกเป็นคู่สัญญาในโครงการร่วมลงทุน
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความรอบคอบในการดำเนินการคณะกรรมการคัดเลือกฯ จึงมีข้อสรุปว่า เมื่อได้ผู้ผ่านการคัดเลือก แล้วหากพบว่ามีข้อสงสัยในประเด็นตามประกาศคณะกรรมการนโยบายร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนฯ ดังกล่าว จะได้สอบถามไปยังคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ก่อนการประกาศรายชื่อผู้ชนะการคัดเลือกต่อไป ทั้งนี้เมื่อ ITD Group ไม่ได้เป็นผู้ผ่านการคัดเลือกฯ จึงไม่ต้องดำเนินการใดๆ
5.2 ประเด็นข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนของ BTSC ที่ใช้ยื่นข้อเสนอในการคัดเลือกเอกชนตาม RFP ฉบับเดือน กรกฎาคม 2563
ข้อเสนอฯ ที่กล่าวอ้าง เป็นเอกสารที่ รฟม. มิได้เปิดซองเอกสาร และได้ส่งคืน BTSC แล้ว เนื่องจากได้มีการยกเลิกการคัดเลือกฯ ข้อเสนอฯ จึงไม่อยู่ในกระบวนการคัดเลือกที่ต้องตรวจสอบและประเมินซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติ และซองข้อเสนอด้านเทคนิค เพื่อให้ รฟม. มั่นใจได้ว่าผู้ยื่นข้อเสนอจะสามารถดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ มีความปลอดภัย และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดต่อประเทศชาติและประชาชนได้ มิใช่การพิจารณาเพียงตัวเลขสรุปผลประโยชน์ตอบแทนให้ภาครัฐเท่านั้น
ทั้งนี้ รฟม. มีข้อสังเกตว่า ตัวเลขดังกล่าวของ BTSC มีความแตกต่างจากผลการศึกษาที่ รฟม. นำเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผลการศึกษาได้ใช้สมมติฐานทางการเงินตาม MRT Assessment Standardization ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นสมมติฐานที่น่าเชื่อถือ และใช้ในทุกโครงการของ รฟม. รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และ สายสีเหลืองฯ ที่ BTSC ได้ยื่นข้อเสนอโดยเสนอขอรับการสนันสนุนสุทธิเป็นไปตามผลการศึกษา จนกระทั่งได้รับคัดเลือกเป็นผู้รับสัมปทาน
5.3 การดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ตามประกาศเชิญชวนฯ และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน ฉบับเดือนพฤษภาคม 2565 ได้ดำเนินการตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง แนวทางปฏิบัติสำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการร่วมลงทุนที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2564 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เรื่อง ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact)
โดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ตัวแทนจากภาคเอกชน ได้ส่งผู้สังเกตการณ์ 5 ท่าน เข้าร่วมในการดำเนินการทุกขั้นตอน ทั้งนี้ผู้สังเกตการณ์มีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานผลการสังเกตการณ์ และในกรณีที่พบเห็นพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริตให้แจ้งคณะกรรมการคัดเลือกฯ โดยเร็ว เพื่อให้มีการชี้แจงหรือแก้ไขในระยะเวลาที่ผู้สังเกตการณ์กำหนด
หากคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่ชี้แจงหรือแก้ไข ให้ผู้สังเกตการณ์แจ้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อรายงานต่อ สคร. และกระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำหรับกรณีการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ซึ่งผู้สังเกตการณ์ได้เข้าร่วมการประชุมครบทุกครั้ง ไม่ปรากฏว่า คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้รับแจ้งข้อสังเกตใดจากผู้สังเกตการณ์
การคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ ตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือน พฤษภาคม 2565 ได้ผ่านการตรวจสอบจากกระบวนยุติธรรม และการตรวจสอบจากตัวแทนภาคเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ในการต่อต้านคอร์รัปชันที่น่าเชื่อถือ ตามหลักการข้อตกลงคุณธรรม มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เปิดกว้างให้เอกชนสามารถร่วมแข่งขันเสนอราคา และการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามขอบเขตอำนาจที่กฎหมายกำหนด
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)