WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

OIL45ราคาน้ำมันดิบ มีแนวโน้มทรงตัว จากสถานการณ์โควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศเริ่มมีทิศทางดีขึ้น ท่ามกลางอุปทานที่เพิ่มมากขึ้นจากสหรัฐฯ

บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 23 สิงหาคม 2564

                               

ไทยออยล์ คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 60-66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 63-69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

                                        

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (23 – 27 ส.ค. 64)

        ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เริ่มมีทิศทางดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันของอินโดนีเซียปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่มาเลเชียได้เริ่มมีการใช้แผนฟื้นฟูประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตได้ช้ากว่าการคาดการณ์หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ขณะที่ตลาดยังถูกกดดันจากอุปทานที่เพิ่มมากขึ้นจากสหรัฐฯ หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

           สถานการณ์การแพร่ระบาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมีทิศทางดีขึ้น หลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในประเทศอินโดนีเซียล่าสุดวันที่ 17 ส.ค. 64 ปรับลดลงมากว่า 50% ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน จากจุดพีคในเดือน ก.ค. 64 ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการทางสังคมตามแผนฟื้นฟูแห่งชาติ (National Recovery Plan) เฟสที่ 1 และ 2 จากทั้งหมด 4 เฟสแล้วใน 13 รัฐรวมถึงเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อในเวียดนามยังคงเพิ่มสูงขึ้นกว่า 9,000 รายต่อวันส่งผลให้มีการขยายระเวลาการล็อคดาวน์ในฮานอย และ โฮ จี มิน ต่อไปอีกอย่างน้อยถึงวันที่ 22 ส.ค. 64 ยังคงกดดันปริมาณความต้องการใช้น้ำมัน

1AAOIL8 23w

           สถาบันโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในช่วงเดือน ส.ค-ก.ย.64 จะยังคงถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบอยู่ในสภาวะขาดดุล (deficit) ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม โกลแมนด์แซคคาดว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงปลายปีเนื่องจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก

           ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในประเทศจีนมีแนวโน้มปรับลด จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่กำลังระบาดในประเทศ ส่งผลให้ตัวเลขผลผลิตจากภาคอุตสาหกรรมในประเทศเดือน ก.ค. 64 เติบโตเพียง 6.4% ต่ำกว่าที่คาดจะสามารถเติบโตได้ 7.8% ขณะที่ดัชนียอดค้าปลีกเติบโต 8.5% เติบโตได้น้อยกว่าการเติบโตในเดือน มิ.ย. 64 ที่สามารถเติบโตได้ 12.1% นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตจีนเดือน ก.ค.64 ปรับลดลงต่อเนื่องสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 50.4 สะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

           อุปทานจากสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันมันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค. 64 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1 แสนบาร์เรลต่อวันอยู่ที่ระดับ 11.4 ล้านบาร์เรลต่อวันนอกจากนี้ EIA คาดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหิน (Shale Production) ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดมากกว่า 1 ปี ในเดือน ก.ย. 64 ที่ระดับราว 8.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค. 64 ปรับเพิ่มขึ้น 10 แท่นไปอยู่ที่ระดับ 397 แท่น ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย. 64

           อย่างไรก็ตาม กลุ่มโอเปกพลัสส่งสัญญาณไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามคำเรียกร้องของนายโจ ไบเดนประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ขอให้ทางกลุ่มกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) พิจารณาทบทวนเพิ่มกำลังการผลิต โดยโอเปกพลัสมีแนวโน้มคงมติตามแผนเดิมที่จะเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน ตามที่ตกลงไว้ในการประชุมครั้งล่าสุดในเดือน ก.ค.64 โดยทางกลุ่มยังคงเชื่อว่ากำลังการผลิตตามแผนเดิมจะสมดุลต่อความต้องการใช้ในตลาดซึ่งสอดคล้องกับคาดการณ์ขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)

           เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีสหรัฐฯ ไตรมาส 2/64 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตสหรัฐฯ เดือน ส.ค.64 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซนและสหราชอาณาจักรเดือน ส.ค.64 และรายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (16 – 20 ส.ค. 64) 

      ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 6.12 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 62.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลด 5.41 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 65.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 65.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังตลาดได้รับแรงกดดันหลังตัวเลขการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นในประเทศจีนปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดมากกว่า 1 ปี จากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดในประเทศ

     อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค. 64 ปรับลด 3.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 435.5 ล้านบาร์เรล ปรับลดลงมากกว่าที่คาดจะปรับลด 1.1 ล้านบาร์เรล

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!