- Details
- Category: น้ำมัน-แก๊ส
- Published: Monday, 05 July 2021 11:07
- Hits: 11155
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังอุปทานมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 5 กรกฎาคม 2564
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 72-77 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 73-78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ ( 5 – 9 ก.ค. 64)
ราคาน้ำมันดิบมีแนวทรงตัวในระดับสูง หลังอุปทานมีแนวโน้มตึงตัวเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าอุปทานที่กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรมีแผนจะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ ทำให้จะต้องกลับมาหารืออีกครั้งในวันจันทร์ที่ 5 ก.ค.
นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ และการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในวันชาติสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในประเทศอังกฤษ ส่งผลให้การฟื้นตัวของการเดินทางระหว่างประเทศเป็นไปอย่างจำกัด
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ :
สถาบันการเงินหลายแห่งคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง แม้ว่ากลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นกว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Goldman Sachs คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวโน้มแตะระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรลจากตลาดที่มีแนวโน้มขาดดุล
ขณะที่ Citi Bank คาดการณ์ว่า ภายในไตรมาส 3 ราคามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล แม้ว่ากลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นก็ตาม จากตลาดที่มีแนวโน้มขาดดุล เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. นี้
กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรมีแผนที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นราว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน ส.ค. ถึงเดือน ธ.ค. หรือคิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยต่อเดือนที่ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรยังคงกังวลต่อการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันและการส่งออกของอิหร่านที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงหากไม่มีการพิจารณาปริมาณการผลิตอ้างอิง (baseline production) ก่อนเนื่องจากระดับปัจจุบันอยู่ที่เพียง 3.168 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากเทียบกับกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 3.84 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้และจะกลับมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 5 ก.ค.
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน หลังความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 มิ.ย. 64 ปรับตัวลดลง 6.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มกำลังการกลั่นสูงขึ้นมาแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดและความต้องการใช้น้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยจำนวนผู้ติดเชื้อยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำโดยอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ส่งผลให้ต้องมีการประกาศบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การติดเชื้อในอังกฤษมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ Delta ซึ่งมีความสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์เดิมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้หลายประเทศอาทิเช่น เยอรมัน และฮ่องกง เป็นต้น มีการประกาศห้ามการเดินทางจากอังกฤษ
การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและ 6 ประเทศมหาอำนาจยังคงไม่มีความคืบหน้าและยังขาดกำหนดการที่ชัดเจนสำหรับการประชุมในครั้งถัดไปซึ่งนับเป็นการประชุมครั้งที่ 7 หลังก่อนหน้านี้มีการเจรจากันมาแล้วถึง 6 ครั้งแต่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ นอกจากนี้ ความตึงเครียดยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังอิหร่านยังคงไม่ดำเนินการต่อสัญญาการส่งมอบข้อมูลด้านการพัฒนานิวเคลียร์ให้กับทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ซึ่งหมดลงตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทาง IAEA จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเพื่อดำเนินการตรวจสอบได้เลย
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการจีน เดือน มิ.ย. 64 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการยูโรโซน เดือน มิ.ย. 64 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการสหรัฐฯ เดือน มิ.ย. 64 และรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.– 2 ก.ค. 64)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 1.11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 75.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงเล็กน้อย 0.01 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 76.17 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 74.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากโรงกลั่นเพิ่มกำลังการกลั่นสูงขึ้นเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรที่มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและน้อยกว่าความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศอังกฤษ ส่งผลให้หลายประเทศมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมและมีการประกาศห้ามการเดินทางเข้าจากประเทศอังกฤษ
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ