- Details
- Category: น้ำมัน-แก๊ส
- Published: Monday, 14 December 2020 21:57
- Hits: 13937
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง หลังวัคซีนได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษ และเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชน
บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2563
ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44-49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (14 – 18 ธ.ค. 63)
ราคาน้ำมันมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษ และเริ่มมีการทดลองใช้กับผู้ป่วย นอกจากนี้ตลาดยังคาดหวังผลการพิจารณาอนุมัติวัคซีนโควิด-19 ขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (US Food and Drug Administration) คาดว่าจะรู้ผลภายในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งหากวัคซีนได้รับการอนุมัติจะเป็นปัจจัยสนับสนุน ความต้องการใช้น้ำมันที่ได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง อาจทำให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ กลับมาดำเนินการผลิตมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันทำให้มีอุปทานส่วนเกินเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระดับสูง หลังได้รับแรงหนุนจากผลความคืบหน้าจากการพิจารณาการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยในวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ของบริษัท Pfizer-BioNTech เป็นชาติแรก โดยมีการฉีดวัคซีนให้ผู้ป่วยคนแรกแล้วในวันที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องจับตาผลข้างเคียงของวัคซีนที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้วัคซีนจำนวน 800,000 โดส จะถูกจัดส่งมายังประเทศอังกฤษในกลางเดือนธ.ค. 63 เพื่อทำการฉีดให้ผู้ป่วยต่อไป ขณะนี้แคนาดาเป็นประเทศล่าสุดที่อนุมัติการใช้วัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป นอกจากนั้นสหรัฐฯ คาดว่าจะมีการพิจารณาอนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในสัปดาห์นี้ ซึ่งหากมีการอนุมัติวัคซีนดังกล่าว จะทำให้บริษัทผลิตวัคซีนสามารถดำเนินการผลิตและขนส่งได้
ท่ามกลางความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงกดดันความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งทำให้หลายประเทศต้องออกมาตราการเพื่อลดการแพร่ระบาด อาทิ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ ประกาศมาตรการล็อคดาวน์ในบางพื้นที่ ส่วนเกาหลีใต้เตรียมออกข้อบังคับการรักษาระยะห่างในกรุงโซลและพื้นที่โดยรอบ นอกจากนั้นเยอรมนียืดระยะเวลาล็อคดาวน์ออกไปจากเดิมสิ้นสุด 20 ธ.ค.63 เป็น 10 ม.ค. 64
นักลงทุนกังวลความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯเตรียมออกมาตราการคว่ำบาตรด้านการเงินและสินทรัพย์ต่อเจ้าหน้าที่จีนนับสิบราย ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนและสภาประชาชนแห่งประเทศจีน โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวมีบทบาทในการตัดสิทธินักการเมืองฝ่ายค้านในฮ่องกง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้น หลังปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯปรับเพิ่มขึ้นสูงที่ระดับ 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐฯ ณ สัปดาห์สิ้นสุด 4 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 15.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 503.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตามโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกำลังการผลิตร้อยละ 1.7 จากสัปดาห์ก่อนหน้า แสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันที่เริ่มฟื้นตัว
Saudi Aramco ปรับเพิ่มราคาประกาศ (Official Selling Price, OSP) เดือน ม.ค. 64 สำหรับน้ำมันทุกเกรดที่ขายไปยังทวีปเอเซีย ราว 0.6 - 0.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.63 แตะระดับ 0.1-0.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล นับเป็นราคาประกาศที่อยู่ในแดนบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Adnoc ที่ปรับเพิ่มราคาประกาศของน้ำมันดิบ Murban สำหรับเดือนม.ค. 64 ราว 0.75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แตะระดับ 0.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล
การนำเข้าน้ำมันดิบจีนในเดือน พ.ย. 63 ปรับเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 45.36 ล้านตัน หรือราว 11.04 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับการนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนต.ค.63 ที่ระดับ 42.56 ล้านตัน โดยการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในระยะเวลา 11 เดือนที่ผ่านมา จีนมีการนำเข้า 503.92 ล้านตัน หรือราว 10.95 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าร้อยละ 9.5 แสดงถึงความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่ปรับตัวสูงขึ้นหลังการแพร่ระบาดโควิด-19
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้บริโภคเดือน พ.ย. 63 ของสหราชอาณาจักร ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อฝ่ายภาคการผลิตและภาคบริการเดือน ธ.ค. 63 ของเยอรมนี สหรัฐฯ และกลุ่มยูโรโซน การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ การประกาศผลการรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ US Food and Drug Administration
สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (7 – 11 ธ.ค. 63)
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 0.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 46.57 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 0.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 49.97 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 50.63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวจากการคลายมาตรการคลายล็อคดาวน์ในหลายประเทศ และความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมถึงผลความคืบหน้าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลอังกฤษ และผลการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสที่มีมติปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพียง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ม.ค. 64
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ